กรุงเทพฯ 3 พ.ย. – นักวิชาการเกษตรหวั่นโรคไหม้คอรวงข้าวระบาดจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษลุกลาม ทำผลผลิตข้าวหอมมะลิเสียหาย ชี้กรมการข้าวแจกจ่ายสารไตรโคเดอร์มาให้เกษตรกรออกฤทธิ์ไม่ทันการแพร่กระจายของเชื้อราก่อโรค อย่ากลัวกระแสสังคมต้านสารเคมีทางการเกษตร จนละเลยการให้คำแนะนำทางวิชาการที่ถูกต้องแก่เกษตรกร
นายสราวุธ รุ่งเมฆารัตน์ อาจารย์ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึง โรคไหม้คอรวงข้าวระบาดจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษมากกว่า 36,000 ไร่ ว่า เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิแหล่งใหญ่ ซึ่งปลายเดือนพฤศจิกายนนี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวพันธุ์ดอกมะลิ 105 ทั้งนี้ โรคไหม้ในข้าว (Rice Blast Disease) เกิดจากเชื้อรา Pyricularia oryzae เกิดได้ทั้งระยะกล้า ระยะแตกกอ และระยะออกรวง หากเกิดระยะออกรวงเรียกโรคไหม้คอรวงหรือโรคเน่าคอรวง เมื่อข้าวเพิ่งเริ่มให้รวง แล้วถูกเชื้อราเข้าทำลาย เมล็ดจะลีบหมด แต่ถ้าเป็นโรคตอนรวงข้าวแก่ใกล้เก็บเกี่ยวจะปรากฏรอยแผลช้ำสีน้ำตาลบริเวณคอรวง ทำให้เปราะหักง่าย รวงข้าวร่วงหล่นเสียหายมาก
ทั้งนี้ ทราบข่าวว่ากรมการข้าวแนะนำและแจกจ่ายสารไตรโคเดอร์มาให้เกษตรกรฉีดพ่นป้องกันในนาที่อยู่โดยรอบพื้นที่ระบาด แม้ไตรโคเดอร์มาจะเป็นเชื้อราที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคพืช แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นกับความรุนแรงของการระบาด โดยประเมินจากความเสียหายที่เกิดขึ้น หากแปลงที่เกิดโรคมีต้นข้าวเสียหายร้อยละ 20-30 การฉีดพ่นไตรโคเดอร์มาในแปลงใกล้เคียงอาจพอป้องกันการติดเชื้อได้ แต่หากเสียหายเกินร้อยละ 50 กว่าจุลินทรีย์จะออกฤทธิ์ไม่ทันกับการแพร่กระจายของเชื้อโรค
นายสราวุธ กล่าวว่า การใช้สารเคมีทางการเกษตรทางวิชาการไม่ได้แนะนำให้ใช้พร่ำเพรื่อ แต่แนะนำให้ใช้ถูกโรค ถูกชนิดพืช และใช้ปริมาณเหมาะสม ตลอดจนสารเคมีแต่ละชนิดกำหนดปริมาณสูงสุดของการตกค้างที่ไม่เกิดอันตรายไว้ ซึ่งจะบ่งบอกว่าเมื่อฉีดสารเคมีชนิดนั้น แล้วระยะเวลากี่วันการตกค้างของสารจะลดลงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังจะสลายด้วยแสงแดด จุลินทรีย์ในดิน รวมถึงวัชพืชในแปลงดูดซับไป
“ข้าวที่ออกรวงยังมีเปลือกปกป้อง หากใช้อย่างถูกต้องและเก็บเกี่ยวผลผลิตตามระยะเวลาที่กำหนด ผ่านกระบวนการสี จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแน่นอน” นายสราวุธ กล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์ บ้วนกียาพันธุ์ อดีตอาจารย์คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษเป็นวงกว้างนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเร่งเข้าไปควบคุมด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าวหอมพันธุ์ดอกมะลิ 105 ที่จะเก็บเกี่ยวปลายเดือนนี้เสี่ยงที่จะติดโรคและผลผลิตเสียหาย เนื่องจากเชื้อรากระจายทางอากาศ กระแสลมพัดพาสปอร์ไปได้ไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้อากาศเย็นและมีหมอกทำให้เชื้อราเติบโตและกระจายได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ เมื่อทราบว่ากรมการข้าวแนะนำให้เกษตรกรใช้ไตรโคเดอร์มาฉีดพ่นป้องกันแปลงข้าวที่ยังไม่ติดเชื้อ เกรงว่าจะไม่ได้ผล เนื่องจากไตรโคเดอร์มาเหมาะสำหรับใช้ป้องกันกำจัดโรครากเน่า-โคนเน่าและยังไม่เคยมีงานวิจัยการใช้ป้องกันกำจัดโรคคอรวงข้าว ที่ผ่านมาเมื่อเกิดโรคไหม้ในข้าวระบาด กรมการข้าวจะแนะนำให้ใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น คาซูกาไมซิน อีดิเฟนฟอส ไตรไซคลาโซล ไอโซโพรไทโอเลน คาร์เบนดาซิม เป็นต้น ฉีดพ่นเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคทันท่วงที แต่ครั้งนี้แนะนำให้ใช้ไตรโคเดอร์มาซึ่งไม่แน่ใจว่าเพราะกลัวกระแสสังคมที่บางกลุ่มต้านการใช้สารเคมีทางการเกษตรหรือไม่ ทั้งนี้ นักวิชาการโรคพืชต้องพิจารณาให้ดีว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตของเกษตรกร รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่
“เปรียบเทียบสถานการณ์โรคไหม้คอรวงข้าวขณะนี้เหมือนคนป่วยหนัก ซึ่งต้องไปหาหมอเพื่อฉีดยาและให้น้ำเกลือ ไม่ใช่นอนกินพาราเซตามอลอยู่ที่บ้าน อาจทำให้อาการสาหัสจนรักษาไม่ทัน ขอเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืนอยู่บนหลักวิชาการ ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาช่วยเหลือเกษตรกรและชี้แจงให้สังคมเข้าใจ แต่ถ้าข้าราชการกลัวการกดดันของนักการเมือง รวมทั้งการปั่นกระแสความกลัวของเอ็นจีโอ จนไม่กล้าทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม ภาคการเกษตรของไทยจะตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะล่มสลาย” นายอดิศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย