ทำเนียบฯ 22 ต.ค. – ชาวไร่มันสำปะหลังบุกทำเนียบฯ ร้องนายกฯ ช่วย หากแบน 3 สาร หวั่นต้นทุนเพิ่ม ซ้ำเติมราคาตกต่ำ
นายภมร ศรีประเสริฐ อุปนายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้นำกลุ่มเกษตรผู้ปลูกมันสำปะหลังประมาณ 150 คนมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จากก่อนหน้านี้ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือชาวไร่มันที่เดือดร้อนจากหลายปัญหา
นายภมร กล่าวว่า เกษตรกรประสบปัญหาการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังมาเป็นเวลากว่า 1 ปี แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่สามารถควบคุมและแก้ไขการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลผลิตเสียหาย ราคามันสำปะหลังตกต่ำ ล่าสุดนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้ยกเลิกการใช้สารเคมีการเกษตร 3 ชนิด ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพของเกษตรกร โดยเฉพาะสารป้องกันกำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพดีและราคาถูกอย่างพาราควอตและไกลโฟเสต หากคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติยกเลิกใช้แล้วให้ใช้สารกลูโฟซิเนตอย่างที่เป็นข่าว เกษตรกรจะเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากกลูโฟซิเนตมีราคาแพงกว่าพาราควอต 4 – 5 เท่า อีกทั้งกลูโฟซิเนตเป็นสารเคมีที่มีพิษ ดังนั้น จึงไม่ใช่ทางออก ส่วนที่นางสาวมนัญญาระบุว่าจะให้กรมวิชาการเกษตรส่งเสริมให้ใช้สารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชนั้น ยิ่งทำให้ชาวไร่มันกังวลมากขึ้น เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยใดที่บ่งชี้ว่ามีสารชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืชได้
สำหรับข้อเสนอของเอ็นจีโอที่ให้ใช้แรงงานถากหญ้า เกษตรกรจะนำเงินที่ไหนมาจ้างแรงงาน ยังไม่รวมถึงจะหาแรงงานได้หรือไม่ กรณีที่จะให้ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรนั้น สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วหรือเกษตรกรรายใหญ่มีกำลังที่จะจัดหาได้ แต่เกษตรกรรายย่อยไม่มีกำลังซื้อ รัฐจะสนับสนุนอย่างไร
“วัชพืชเป็นปัญหาสำคัญของไร่มันสำปะหลัง มีงานวิจัยจากอาจารย์ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุว่า หากควบคุมวัชพืชแปลงมันได้ไม่ดีพอ ภายใน 2 เดือนจะทำให้ผลผลิตลดต่ำลงกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้น จึงขอให้นายกรัฐมนตรีเข้าใจถึงความจำเป็นของเกษตรกร หากต้องการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้ให้หาสารหรือวิธีการทดแทนให้ได้ก่อนแล้วทำเป็นลำดับขั้น ให้เกษตรกรได้ปรับตัว” นายภมร กล่าว
นายภมร กล่าวต่อว่า หากเกษตรกรดูแลแปลงมันของตัวเองไม่ได้ ผลผลิตจะลดต่ำลงมาก ทำให้เกษตรกรขาดรายได้จนอาจถึงขั้นล้มละลาย อีกทั้งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเป็นอันดับ 1 ของโลก ต้องการผลผลิตมันสำปะหลังปีละ 35 ล้านตัน หากผลผลิตไม่เพียงพอจะทำให้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังที่มีมูลค่าสูงถึงเกือบแสนล้านบาทต้องเสียหายและขาดความมั่นคงยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย