ส.ว.ผ่านพ.ร.ก.โอนกำลังพล 223 เสียง

รัฐสภา 20 ต.ค.-มติส.ว. ผ่านพ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม  ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ด้วยคะแนน 223 เสียง ไม่มีผู้คัดค้าน  ชี้มีความจำเป็นเร่งด่วนเพราะเป็นเรื่องความมั่นคง 


การประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1 เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดโอนอัตรากาลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการ ในพระองค์ พ.ศ. 2562 ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 9.00 น. โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากกำลังพลต้องมีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะการจัดอัตรากำลังพลที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และเกิดความปลอดภัยสูงสุด อันเป็นความปลอดภัยของประเทศ จึงสมควรโอนอัตรากำลังพลและงบประมบบางส่วนของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และกรมทหารราบ ที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในพระองค์ เพื่อสนับสนุนภารกิจของส่วนราชการในพระองค์ในการปฏิบัติหน้าที่ เกี่ยวกับการถวายอารักขา การถวายพระเกียรติ และ การรักษาความปลอดภัย แก่พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์และพระราชอาคันตุกะ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้


หลังจากนั้นพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานกรรมาธิการทหาร และความมั่นคง ได้ชี้แจงผลการศึกษาพระราชกำหนดดังกล่าว และพลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร  ชี้แจงผลการศึกษาของกรรมาธิการ กฎหมายกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็น เพราะถือเป็นการถวายการรักษาความปลอดภัยพระมหากษัตริย์ ถือเป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วน ถึงต้องตราเป็นพระราชกำหนด โดยไม่อาจรอเวลา เพื่อออกเป็นพระราชบัญญัติ เพราะจะใช้เวลานาน  

ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา บอกตนเห็นชอบและอนุมัติ พ.ร.ก.ดังกล่าว ทั้งยังกล่าวตำหนิ 70 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่โหวตไม่รับ พ.ร.ก.ดังกล่าว ว่าจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นในประเทศ และการที่เลขาธิการพรรคออกมาประกาศจุดยืน จะนำไปสู่ความไม่งดงาม สร้างความ คลางแคลงใจให้กับผู้ที่รักสถาบัน โดยอ้างว่าการที่นายกรัฐมนตรีออก เป็นพ.ร.ก. เพราะต้องการมาตรา 44 ทำไมพรรคอนาคตใหม่จึงต้องทำตัวแปลกประหลาดทั้งที่พรรคฝ่ายค้านอื่นๆก็โหวตรับกับร่างดังกล่าว

“ทำไมพรรคอนาคตใหม่ ต้องสร้างความแตกแยก  แบบนี้ประเทศจะไปสู่ความขัดแย้งอีก เราไม่อยากให้ประเทศย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมอีกแล้ว ขออย่าทำตัวเป็นกลุ่มแอนตี้รอยัลลิสต์ หรือปฎิกษัตริย์นิยม อย่าทำตัวแตกแยก ขอฝากประชาชนทั่วประเทศว่าการทำพระราชกำหนดในเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นและทุกอย่างทำตามกฎหมายถูกต้องในเรื่องความจำเป็นเร่งด่วนและความมั่นคงแล้ว ขออย่าแสดงสัญลักษณ์แบบนี้เลย ” นายสมชาย กล่าว 


จากนั้นประธานได้ให้สมาชิกโหวตลงมติในเวลา 09.53น. โดยวันนี้มีสมาชิก มา226 คน ครบองค์ประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติเห็นชอบให้ผ่านพ.ร.ก.ฉบับนี้ 223 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่มีสมาชิก ส.ว.คนใดโหวตไม่เห็นด้วยกับพ.ร.ก.ดังกล่าว 

สำหรับบรรยากาศ ในการประชุมครั้งนี้มีพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะวุฒิสภา ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย .- สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ฉายาสภาปี67

ฉายาสภาปี 67 สส. “เหลี่ยม(จน)ชิน” ด้าน วุฒิสภา “เนวิ(น)เกเตอร์”

สื่อสภาตั้งฉายาปี 67 สส. “เหลี่ยม(จน)ชิน” ด้านวุฒิสภา “เนวิ(น)เกเตอร์” ส่วน “วันนอร์” รูทีนตีนตุ๊กแก ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” ส่วนผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง”

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย