ตลาดหุ้นไทย ปิดลบ 1.37 จุด แกว่งแคบ รอดูหลายปัจจัย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 18 ต.ค. – ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,631.43 จุด ลดลง 1.37 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 55,373.65 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่  โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,637.36 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,623.38 จุด 

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบคล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่วันนี้จะติดลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และยังต้องรอดูผลโหวตในเรื่องงบประมาณปี 63 รวมถึงต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ด้วย ซึ่งรอดูงบฯของกลุ่มแบงก์ก่อน ต่อไปก็กลุ่ม Real Sector โดยจากการ Preview งบฯกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ที่ออกมาทำให้คาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/62 ของทั้งสองกลุ่มนี้ไม่น่าจะดี เพราะสเปรดปิโตรเคมีแคบลง และยังมี Stock loss ด้วย


นอกจากนี้ นักลงทุนก็ยังวิตกในเรื่องมาตรการบัญชีใหม่ TAS 32 ที่จะนำมาใช้ แล้วทำให้หลายบริษัทที่ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) อาจจะมี D/E ที่สูงขึ้น ซึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาก็คงจะต้องคืนหนี้ หรือการเพิ่มทุน ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มทุนได้

ส่วนปัจจัยจากนอกประเทศ แม้ว่ากรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะดูดีแต่ตลาดฯก็ยังไม่ตอบรับ อาจเป็นเพราะต้องการรอดูความชัดเจนในการนำเรื่องเข้าสภาอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก่อน และยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ด้วย นอกจากนี้ ตลาดฯดูเหมือนยังไม่ไว้วางใจการลงทุน เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจโลกไม่สดใส ทำให้ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นได้ยาก 

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลการโหวตเรื่องงบประมาณ ปี 63 ซึ่งก็คาดว่าจะผ่านไปได้ แต่ไทยก็ย้งต้องเผชิญการเมืองกดดัน ส่วนงบฯไตรมาส 3/62 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมก็คาดว่าจะติดลบเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี มาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส2 ก็อาจจะมาช่วยประคองเศรษฐกิจได้บ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ซึ่งเป็นแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดด้วย หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,610-1,600 ถัดไป 1,580 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,640-1,650 จุด


ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ  179.80 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ  388.03 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ  1,655.04 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ  1,446.82  ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง