นนทบุรี 30 ก.ย. – รัฐมนตรีพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเแจงความพร้อมประกันรายได้ ต่อผู้ว่าฯ พาณิชย์จังหวัด และเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ ผ่าน VDO Conference ถึงโครงการประกันรายได้ ประเดิมข้าว-ปาล์มน้ำมัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (30 ก.ย.) ตนพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม ผ่านวีดิทัศน์ทางไกล (VDO Conference) ถึงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและชาวสวนปาล์ม ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 9 MCOT HD ตั้งแต่เวลา 09.30-10.00 น.
ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและชาวสวนปาล์มน้ำมัน พร้อมทั้งกรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติให้กับคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด และคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกร เนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และคลังจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการโอนเงินให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม งวดแรกจะเริ่มวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) ผู้ปลูกปาล์มจะต้องขึ้นทะเบียน หรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ก่อนจะเปิดบัญชีกับ ธ.ก.ส. เพื่อรอรับเงินส่วนต่าง ภายใน 3 วันทำการ จากราคาประกันกิโลกรัมละ 4 บาท ในคุณภาพน้ำมัน 18% ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งจะมีการกำหนดราคาอ้างอิงทุก ๆ 45 วัน โดยงวดแรกกำหนดราคาอ้างอิงย้อนหลัง 45 วัน เฉลี่ย 2.68 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรจะได้ส่วนต่างกิโลกรัมละ 1.32 บาท เช่น จำนวนสูงสุด 25 ไร่ ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 363 กิโลกรัม เกษตรกรจะได้ส่วนต่างประมาณ 11,987 บาท
ส่วนการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด จะเริ่มจ่ายส่วนต่างให้เกษตรกร วันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/2563 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ 16 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งจะประกาศราคาอ้างอิงทุกๆ 15 วัน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการประกันรายได้ คือ วันที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งราคาอ้างอิงงวดแรกจะต้องใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วัน ก่อนจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรก
ทั้งนี้ รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายที่ได้ประกาศต่อรัฐสภา ผ่านโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยยอมรับว่า สินค้าเหล่านี้มักประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลความต้องการใช้พืชผลทางการเกษตรลดลง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ 2 ทาง จากการขายผลผลิตในตลาด และยังได้ส่วนต่างจากภาครัฐ ที่มีการกำหนดราคาประกัน และเอาราคาตลาดเป็นตัวตั้ง เพื่อจ่ายส่วนต่างให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะใช้วิธีโอนตรงให้กับเกษตรกร
ส่วนกรณีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้พืชผลเสียหายนั้น ยืนยันว่า หากขึ้นทะเบียนแล้วยังจะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างแน่นอน และภาครัฐยังมีมาตรการอื่นๆ ช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบด้วย โดยสินค้าเกษตรอีก 3 ชนิด ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะทยอยพิจารณาราคาประกัน โดยยางพาราจะเคาะราคาวันที่ 4 ตุลาคมนี้ พร้อมย้ำการกำหนดราคาประกันรายได้พืชทุกชนิด จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ต่อไป.-สำนักข่าวไทย