รัฐสภา 21 ส.ค.- “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ยื่นหนังสือให้ “ชวน-พรเพชร” ลาออกจากตำแหน่ง ปมไม่ให้เสนอชื่อนายกฯในที่ประชุมสภาฯ ก่อนเข้าที่ประชุมรัฐสภา และให้นายกฯ แถลงนโยบายทั้งที่ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ หากไม่ลาออก ขู่ยื่น ป.ป.ช.-ผู้ตรวจฯ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือร่วม 60 หน้า ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เพื่อขอให้นายชวน และนายพรเพชร แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่ปล่อยให้นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณฯไม่ครบถ้วน ซึ่งถือว่า ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ,161 และ 162 เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความเป็นกลาง เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่นำรัฐสภาที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติไปรับใช้คณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เคารพนับถือทั้งสองคน แต่กรณีที่นายชวนระบุว่า จำเป็นต้องยึดหลักการนั้น ตนก็ยืนยันว่า จำเป็นต้องยึดหลักการเช่นกัน จึงได้ยื่นหนังสือขอให้ลาออก ที่ผ่านมา นายชวนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหลายประการ เช่น ผลการลงมติในครั้งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนมากกว่าองค์ประชุม ซึ่งถือว่า ผิดข้อบังคับ เพราะผู้ที่จะลงมติได้จะต้องเซ็นชื่อที่หน้าห้องประชุมเท่านั้น โดยครั้งนั้น ตนเห็นเป็นเรื่องเล็ก จึงไม่ได้ใส่ใจ ปล่อยให้ผ่านไป แต่ในวันที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ทั้งนายชวนและนายพรเพชร กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ว่าด้วยการเลือกนายกรัฐมนตรี
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร แต่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกับวันที่โหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ปรากฎวาระการเสนอชื่อบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้สมาชิกจะอภิปรายชี้แจงว่า การเสนอชื่อต้องเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อน แต่ประธานสภาฯ ก็ไม่ดำเนินการตามที่สมาชิกทักท้วง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อีกกรณีคือนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณฯไม่ครบถ้วน แต่ประธานสภาฯ กลับให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งหากพล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเสียหาย ดังนั้น ความสัมพันธ์ของประธานรัฐสภา รองประธานรัฐสภา ที่มีต่อพลเอกประยุทธ์ แสดงให้เห็นว่าบุคคลทั้งสาม ต้องเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะให้พิจารณาตัวเองไปก่อน แต่หากทั้งนายชวนและนายพรเพชรไม่พิจารณาตนเอง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปที่จะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้พิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย