“สุริยะ” ขับเคลื่อนงานจิตอาสาผุด 21 โครงการทำทันที

กรุงเทพฯ 12 ส.ค. – “สุริยะ” ขับเคลื่อนงานจิตอาสาผุด 21 โครงการทำทันที ปลื้มยอดจิตอาสา ก.อุตฯ แตะหลักพันคน มั่นใจลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากภาคอุตฯ ลงได้ ลั่นลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ต้องคุ้มค่าประเทศชาติได้ประโยชน์


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังพิธีมอบถังดักไขมันแก่ผู้นำชุมชนริมคลองเปรมประชากร ตามโครงการ “จิตอาสาคลองสวยน้ำใส ชุมชนร่วมใจใช้ถังดักไขมัน” เพื่อเทิดพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ว่า รัฐบาลได้น้อมนำแนวทางการดำเนินงานโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ มาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล 12 ด้าน ในข้อที่ 1 คือการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อยอดการดำเนินการโครงการจิตอาสาฯ เพื่อเป็นแบบอย่างของการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ และในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมได้ขับเคลื่อนโครงการร่วมกับผู้ประกอบการ จัดทำถังดักไขมัน จำนวน 2,500 ชุด มอบให้ผู้นำชุมชนริมคลองเปรมประชากร นำไปแจกจ่ายต่อให้กับ ศาสนสถาน ร้านค้า และบ้านเรือน เพื่อกรองขยะชุมชนก่อนระบายน้ำลงคลอง ซึ่งจะทำให้น้ำมีคุณภาพดียิ่งขึ้น และเป็นการสร้างจิตสำนึกในการร่วมกันรักษาคูคลองสาธารณะ โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งใน 21 โครงการด้านจิตอาสาฯ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม 


“การประกอบกิจการใดๆ ก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ธรรมชาติไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ ซึ่งกระทรวงฯ ได้ดูแลในจุดนี้ก่อนการอนุมัติอนุญาต นอกเหนือจากการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และคำนึงถึงคุณค่าและความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศที่แท้จริง ปัจจุบันมีโรงงานกว่า 37,000 โรงเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) และมี 15 จังหวัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco Town และโรงงานขนาดใหญ่กว่า 100 แห่งได้นำหลักการระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy ไปใช้ ทำให้ทรัพยากรถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่มีของเสียออกมาภายนอก เชื่อมั่นว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมจะลดลงด้วย 4 ปัจจัยหลักคือ 1.นโยบายและกฎระเบียบของรัฐ 2.การผลิตของเอกชนและการกำกับดูแลซึ่งใช้เทคโนโลยีอันสมัยใหม่มาช่วย 3.ความต้องการของคู่ค้า กระแสโลก และลูกค้าผู้บริโภคทั่วไป และ 4.จิตสำนึกของทุกคน ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันปลูกฝังและร่วมรณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ปรับปรุงกฎหมายหลักกว่า 13 ฉบับและกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวก รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นขึ้น เพื่อให้เกิดการผลิตสีเขียว และมีมาตรฐานที่สอดคล้องกับเงื่อนไขทางการค้าของทั่วโลก” นายสุริยะ กล่าว


นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสากระทรวงอุตสาหกรรม (ศอ.จอส.อก.) ว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมมือใกล้ชิดกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 และได้รับการชื่นชมว่าได้รังสรรค์โครงการจำนวนมากและมีการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งจะแบ่งเป็น โครงการฯ ศอ.จอส.อก.รับผิดชอบโดยตรง จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1) การจัดทำเครื่องบำบัดอากาศเสีย/กำจัดมลพิษทางอากาศ จำนวน 20 เครื่อง และเครื่องพ่นหมอกไอน้ำ จำนวน 500 เครื่อง ติดตั้งบริเวณที่สภาพจราจรหนาแน่น 2) จิตอาสาพิทักษ์ศาสนสถาน ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและความปลอดภัยให้กับศาสนสถาน 5,313 แห่งทั่วประเทศ 3) การปรับปรุงความปลอดภัยระบบไฟฟ้าของวัดอรุณราชวรวราราม ด้วยการเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED และนำสายไฟฟ้าลงดิน 4) โครงการจิตอาสาคลองสวยน้ำใสที่คลองลัดหลวง จ.สมุทรปราการ ด้วยการ   ขุดลอกคูคลองปรับปรุงภูมิทัศน์จำนวน 10 คลอง บำบัดน้ำเสียและแจกต้นแบบเครื่องดักไขมันแก่เทศบาลนำไปผลิตและส่งมอบให้กับชุมชน และ 5) โครงการจิตอาสาคลองสวยน้ำใสชุมชนร่วมใจใช้ถังดักน้ำฯ ซึ่งจะได้มอบให้แก่ผู้นำชุมชนเปรมประชากร ในวันนี้ 

ปัจจุบันข้าราชการ/พนักงานกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สมัครเข้าเป็นจิตอาสา จำนวน 1,523 คน ในระยะต่อไปจะประสานผู้แทนโรงงานที่มีกิจกรรม CSR มาเป็นพันธมิตร สมัครเข้าเป็นจิตอาสาเพื่อการบูรณาการที่เข้มข้น นอกจากนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้จัดทำโครงการจิตอาสา โดยไม่ใช้งบประมาณภาครัฐ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เน้นการทำกิจกรรรมบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ดำเนินการระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2562 รวมจำนวน 16 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการแบ่งปันแบ่งรักจากคนกรมเหมือง (กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) 2. โครงการพลังอาสาสร้างสุขให้เด็กในสถานสงเคราะห์ (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) 3. โครงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตราษฎรบ้านห้วยหมากหล่ำ (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) 4. โครงการจิตอาสาขอฝานะ และ 5.โครงการวนกลับมาใช้ใหม่ (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) 6.โครงการทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมใจพัฒนาโรงเรียนสร้างความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าได้มาตรฐาน (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) 7. โครงการมอบสิ่งของให้ผู้พิการ ณ โรงเรียนการศึกษาเด็กตาบอด พิการซ้ำซ้อน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และ 8. โครงการปลูกป่าชายเลน ณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิริธรและศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมค่าพระรามหก จังหวัดเพชรบุรี (สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม) 9. โครงการทำความดีเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันอาสาฬหบูชา/ วันเข้าพรรษา (สถาบันไทย-เยอรมัน) 10. โครงการตัดเย็บเต้านมเทียมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และ 11. โครงการร่วมใจบริจาคโลหิตสภากาชาดไทย (สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ) 12. โครงการพัฒนาอุปกรณ์ช่วยพ่นยาโรคหอบหืดแก่เด็กไทย รุ่นที่ 3 Thai Kids Spacer (สถาบันพลาสติก) 13. โครงการจิตอาสา พัฒนาเอสเอ็มอี (สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) 14. โครงการปรับปรุงผลิตภาพให้แก่สถานบริการพยาบาล (สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ) 15. โครงการมอบถุงผ้าใส่ยากลับบ้าน (สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ) และ 16. โครงการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวป่าโล่ใหญ่ชัยภูมิ (สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ) . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมแม่แจ่มยังวิกฤติ

เชียงใหม่ 24 ก.ย.- “อำเภอแม่แจ่ม” น้ำท่วมยังวิกฤติ หลังฝนตกหนักบนดอย เช้านี้ลำน้ำแม่แจ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นอีกครั้ง เตือนหมู่บ้านท้ายน้ำเตรียมรับมวลน้ำจากน้ำแม่หยอด-น้ำแม่แจ่ม ที่จะไหลมาสมทบกัน ขอให้อพยพกลุ่มเปราะบางและขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาตลาดสดเทศบาลแม่แจ่ม เช้านี้ (24 กันยายน 2568) ยังคงมีมวลน้ำจากลำน้ำแม่แจ่มไหลเอ่อเข้าท่วมถนนและในตลาดสดเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้เริ่มลดลง แต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้น้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำที่ท่วมถนนหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม และบ้านเรือนของชาวบ้านในตำบลช่างเคิ่ง และตำบลท่าผา บางจุดท่วมสูง 70- 80 เซนติเมตร นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่มให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เนื่องจากมีน้ำจากบนดอยเติมมาตั้งแต่ช่วงตี 5 ของวันนี้ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้ลดลงในช่วงค่ำ แต่มีมวลน้ำมาเติมอีกระลอก น้ำที่ไหลมาท่วมวันนี้ถือว่าหนักกว่าเมื่อวานเพราะไหลมาจากอำเภอกัลยานิวัฒนา ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลงเมื่อไหร่ถ้าหากฝนบนดอยยังตกมาเรื่อยๆ โดยน้ำท่วมครั้งนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 หลังคาเรือน กระทบกว่า 3,000 คน โดยมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักและต้องการความช่วยเหลือด่วน คือตำบลแม่นาจร สะพานไม้ขาด ถนนพัง ขณะนี้ทางผู้นำท้องถิ่นช่วยกันดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของอำเภอแม่แจ่มและหน่วยงานส่วนราชการนั้น ระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ รวมทั้งได้ตั้งโรงครัวนำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์อพยพไว้ที่อำเภอและเทศบาลต่างๆ แต่ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีไฟฟ้าใช้ตามปกติและยังมีอาหารเพียงพอ มีเพียงบางส่วนที่ไปอาศัยบ้านญาติอยู่ชั่วคราว ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่รายงานเมื่อวันที่ 23 […]