กรุงเทพฯ 13 ส.ค.-นายกรัฐมนตรีขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมกันดูแลสถานการณ์หลังเหตุระเบิด ย้ำสวัสดิภาพประชาชน ความสงบของชาติเป็นสิ่งสำคัญสุด ติงสื่อกระแสหลักเสนอข่าวตอกย้ำ ระวังเป็นแนวร่วมมุมกลับคนร้าย พร้อมปรามสื่อเลือกข้าง หากกระทบบ้านเมืองจะดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ติดตามสถานการณ์การก่อความวุ่นวายที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด และฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ร่วมมือกันตรวจตราและกวดขันเรื่องความปลอดภัยในทุกพื้นที่และขอให้ถือปฏิบัติต่อไป
“นายกรัฐมนตรีขอทุกหน่วยให้ถือเอาสวัสดิภาพของทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทย รวมทั้งความสงบเรียบร้อยของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องร่วมกันปกป้องดูแล มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ถือเป็นบททดสอบอีกครั้งว่า ความคิดดีตั้งใจดีย่อมเอาชนะการกระทำที่เลวร้ายทั้งปวง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า อยากฝากไปถึงสื่อกระแสหลักที่โหมรายงานข่าวเกาะติด ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนอาจสร้างกระแสความวิตกเกินกว่าเหตุในสังคม ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้อาจกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้แก่ผู้ก่อเหตุร้าย ที่ต้องการสร้างความวุ่นวายในสังคม อยากให้สื่อรายงานข่าวอย่างสมดุล และเหมาะสม รวมถึงคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดตามมาต่อประเทศโดยรวม โดยอาจเรียนรู้จากประสบการณ์การกระทำในอดีต เช่น การเกาะติดรายงานข่าวอาจารย์ยิงตัวเองที่ผ่านมา มาเป็นแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สำหรับสื่อมวลชนบางกลุ่ม บางสังกัด ที่มีพฤติกรรมเลือกข้างและแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ในประเทศเกินเลยจากสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะสะท้อนให้เห็นต้นตอความคิดและจิตใจ ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งรายงานข่าวที่ไร้ความรับผิดชอบ อาจส่งผลให้ชาวต่างประเทศซึ่งไม่ได้ใกล้ชิดกับข้อเท็จจริงเกิดความวิตกกังวล จนส่งผลต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลเสียจะตกแก่ประเทศชาติและประชาชนในภาพรวม
“รัฐบาลไม่เคยให้ร้าย หรือเลือกข้างเลือกฝ่าย และพยายามอดกลั้นต่อพฤติกรรมหมิ่นเหม่เหล่านี้มาโดยตลอด แต่หากพฤติกรรมล้ำเส้นเหล่านี้กระทบต่อสวัสดิภาพและความสุขสงบของบ้านเมืองอย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เกี่ยวข้องคงต้องพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมาย เพื่อดำรงความสุขสงบของส่วนรวม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย