สมุทรสาคร 30 ก.ค.- สามหนุ่มสาวชาวเวียดนาม เข้ามาท่องเที่ยวและเรียนฝึกอาชีพในไทย ถูกสองคนร้ายหมวกไอ้โม่งบุกชิงทรัพย์ มัดมือมัดเท้าขังในห้องพักที่สมุทรสาคร
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.วันนี้ ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์และมีผู้ถูกจับมัดมือมัดเท้าขังไว้ภายในห้องพัก หมู่ที่ 7 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงแจ้งให้ตำรวจสายตรวจหน่วยบริการสวนหลวง และตำรวจสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน เข้าตรวจสอบ โดยที่ห้องพักดังกล่าวพบหญิงสาว 2 คน และชายหนุ่ม 1 คน ทั้งหมดมีสัญชาติเวียดนาม ยังคงอยู่ในอาการตกใจ ยืนรอให้การกับตำรวจบริเวณหน้าห้องพัก พร้อมกันนี้ผู้เสียหายก็ยังนำสายเคเบิลไทร์ที่ถูกตัดออกแล้ว กับหมวกผ้าไอ้โม่งที่คนร้ายใช้คลุมปิดบังหน้าขณะเข้าก่อเหตุ แล้วนำไปทิ้งไว้ข้างนอกหอพัก 1 ผืน เก็บไว้เป็นหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจอีกด้วย
น.ส.รี อายุ 20 ปี (คนใส่เสื้อยืดสีดำ), น.ส.ไม้ อายุ 24 ปี (คนใส่เสื้อยืดสีเทา) และนายบ่าว อายุ 24 ปี (คนใส่เสื้อยืดสีขาว) ผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า พวกตนมาเช่าห้องพักอาศัยอยู่ด้วยกันเพื่อท่องเที่ยวและฝึกอาชีพในเมืองไทยนานประมาณ 6 เดือนแล้ว โดยเมื่อเช้ามืด ขณะที่พวกตนกำลังนอนอยู่ในห้องพักนั้น ก็มีคนมาเคาะเรียกที่หน้าห้อง ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นคนรู้จัก จึงออกไปเปิดประตู จากนั้นก็มีชายฉกรรจ์ 2 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า พร้อมอาวุธในมือที่มีลักษณะคล้ายปืน ผลักประตูเข้ามาแล้วถามหาหญิงสาวชื่อแอน ซึ่งพวกตนบอกว่าไม่ได้พักอยู่ห้องนี้ และไม่รู้ว่าย้ายออกจากหอพักนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
พอคนร้ายได้ยินดังนั้น ก็จับพวกตนไว้ แล้วเอาสายเคเบิลไทร์มัดมือมัดเท้า จากนั้นก็บังคับให้นอนคว่ำหน้าลง แล้วใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะพวกตนไว้ไม่ให้มองเห็น แล้วคนร้ายก็รื้อค้นเอาทรัพย์สินเป็นเงินสดที่พวกตนนำมาไว้ใช้จ่ายเป็นค่ากิน ค่าเรียนฝึกอาชีพ และค่าเที่ยวในเมืองไทย รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ยี่ห้อ iPhone 6, iPhone 8 และ OPPO หลบหนีไป ซึ่งตอนเกิดเหตุพวกตนก็ไม่กล้าร้องเรียกให้ใครช่วย เพราะกลัวจะถูกทำร้ายถึงชีวิต
จนกระทั่งเมื่อคนร้ายออกจากห้องไป แต่ล็อกกุญแจด้านนอกไว้ พวกตนก็ยังไม่กล้าส่งเสียง จนมั่นใจว่าคนร้ายไปไกลแล้ว จึงตะโกนร้องให้คนในหอพักมาช่วย ก่อนที่จะแจ้งความกับตำรวจ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้พวกตนรู้สึกกลัวในความอุกอาจของคนร้ายเป็นอย่างมาก ด้านตำรวจจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย