แยกสำนวนกรณีทำร้ายตำรวจ สภ.เวียงแหง เป็น 5 สำนวน

กทม.24 ก.ค.- พนักงานสอบสวนแบ่งสำนวนการสอบสวนจากเหตุการณ์ชาวบ้านทำร้ายตำรวจ สภ.เวียงแหง เชียงใหม่ หลังยิงต่อสู้ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด 



พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ  รอง โฆษก ตร. เปิดเผยกรณีตำรวจ สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่  วิสามัญคนร้ายคดียาเสพติด ขณะต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ซึ่งต่อมาได้มีชาวบ้านกว่า 200 คน ปิดล้อมและทำร้ายร่างกายตำรวจได้รับบาดเจ็บ ว่า เป๋นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ประมาณ 17.30 น.  โดยกำลังตำรวจ สภ.เวียงแหง ออกตรวจสอบเป้าหมายการกระทำความผิดคดียาเสพติด ในพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย บ.ห้วยไคร้ใหม่ บ.บริการห้วยไคร้ ม.5 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง  โดยมีการประชุมวางแผนแบ่งกำลังออกเป็น 5 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คน, รถยนต์ 1 คัน จำนวน 2 คน ขณะตำรวจขับรถอ้อมเลยหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน พบชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมาสังเกตเห็นคนซ้อนท้ายถืออาวุธปืนยาว โดยไม่ทราบชนิดและขนาด จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและให้สัญญาณให้หยุดรถ เพื่อขอตรวจสอบ ทันใดนั้นชายคนขับได้หยุดรถและได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง ส่วนชายคนซ้อนลงจากรถ แล้วนั่งลงใช้อาวุธปืนยาวยิงใส่ตำรวจ 2 นัด ตำรวจจึงได้ใช้อาวุธปืนพกยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว กระสุนถูกชายคนดังกล่าวล้มลงได้รับบาดเจ็บ 


ระหว่างที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนยาวขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก ตกอยู่ข้างลำตัว ตรวจสอบที่ชายคนดังกล่าวพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(เมทแอมเฟตามีน)จำนวนหนึ่ง และเครื่องกระสุนปืนขนาด .22 อีก จำนวนหนึ่ง ทราบว่านายจะจือ จะอ่อ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดรายสำคัญของ สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว ที่หลบหนีมาซ่อนตัวในพื้นที่ สภ.เวียงแหง และลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่ใกล้เคียง

จากนั้น จึงได้แจ้งแพทย์เวร โรงพยาบาลเวียงแหง เพื่อมาช่วยผู้บาดเจ็บและแจ้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น พร้อมประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง มาช่วยรักษาที่เกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรักษาที่เกิดเหตุอยู่มีกลุ่มญาติ และชาวบ้านห้วยไคร้ใหม่ ที่ทราบเหตุการณ์ประมาณ 200 คนมายังที่เกิดเหตุ และเข้าล้อมกรอบรุมทำร้าย  พ.ต.ท.ตรีโลจน์ ปันตี รอง ผกก.สส. สภ.เวียงแหง โดยใช้ไม้ตีและใช้ก้อนหินทุบศรีษะ จนเป็นแผลแตก มีเลือดไหล เพื่อเข้าแย่งของกลางและพยายามทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและรุมทำร้าย ด.ต.ชัชวาลย์ วงค์หาญ ที่พยายามเข้าไปช่วย โดยใช้ไม้ตีและใช้ก้อนหินขว้างใส่ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน พร้อมทุบทำลายรถยนต์ รถจักยานยนต์ที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่สืบสวน ตำรวจเห็นว่าไม่สามารถรักษาที่เกิดเหตุได้ จึงนำกำลังพร้อมของกลางทั้งหมด ออกจากพื้นที่ โดยเดินอ้อมออกไปทางป่าท้ายหมู่บ้าน และขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ขับรถผ่านมานำตัว พ.ต.ท.ตรีโลจน์ ไปส่งโรงพยาบาลเวียงแหง แพทย์ได้ตรวจบาดแผล และเย็บบาดแผลที่ศีรษะจำนวน 10 เข็ม และเฝ้าดูอาการ ส่วนที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวน ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกันควบคุมสถานการณ์ และรักษาที่เกิดเหตุไว้ เพื่อรอ พนักงานอัยการ แพทย์ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า เบื้องต้น พนักงานสอบสวน จะแบ่งสำนวนการสอบสวนเป็น 5 สำนวน คือ สำนวนคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมายและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต(ผู้ตายตกเป็นผู้ต้องหา), สำนวนคดีต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ฯ(ผู้ตายตกเป็นผู้ต้องหา), สำนวนคดีชันสูตรพลิกศพ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิต, สำนวนคดีฆ่าผู้อื่นโดยอ้างเหตุป้องกันจากการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายฯ(ตำรวจที่วิสามัญคนร้ายตกเป็นผู้ต้องหา) และสำนวนคดีร่วมกันทำร้ายร่างกาย เจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ฯ (ผู้ที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่)  โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน รอผลการตรวจพิสูจน์ที่เกี่ยวข้องมาประกอบคดี และจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนภายในระยะเวลาตามกรอบกฎหมายได้กำหนด จากนั้นจะมีความเห็นทางคดีส่งสำนวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป


สำหรับเหตุการณ์ ที่มีญาติผู้ต้องหาและชาวบ้าน ไปยังที่เกิดเหตุและเข้าปิดล้อมเจ้าหน้าที่ รุมทำร้าย นั้น พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่  ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงกริช  ออนตะไคร้  รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่  ร่วมประชุมเร่งรัดคดีและสอบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินคดีตามกฎหมายร่วมกับนายอำเภอเวียงแหง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง  ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ณ. สภ.เวียงแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย