สร.รฟท.ร้อง!!! รมว.คมนาคมใหม่ตรวจฝ่ายบริหารรับพนักงานไม่เป็นธรรม

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – ของร้อนประเดิมงานแรก!!! สร.รฟท.ยื่นขอความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีคมนาคมใหม่ 3 ข้อ แสดงจุดยืนคัดค้านแนวทางสรรหาพนักงานใหม่ของผู้บริหารรับคนนอกร้อยละ 60 ทำลูกจ้าง นักเรียนรถไฟ ที่ตั้งใจทำงานฝันค้าง


นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยว่า สร.รฟท.ขอแสดงจุดยืนในการคัดค้านแนวทางการสรรหา เพื่อบรรจุพนักงานปี 2562 ของผู้บริหารที่มีมติสรรหาเพื่อบรรจุพนักงานปี 2562 จำนวน  1,330 อัตรา เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณ  พร้อมกับมีการกำหนดสัดส่วนการสรรหาพนักงานจากกลุ่มบุคคลภายนอก มากถึงอัตราร้อยละ 60 กลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานในอัตราร้อยละ 20 และกลุ่มนักเรียนโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ (วรฟ.) ในอัตราร้อยละ 20 และมีการดำเนินการขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบการรถไฟฯ ฉบับที่ 132 ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานใน รฟท. 

เนื่องจาก สร.รฟท. รวมถึงพนักงาน ซึ่งมีคุณวุฒิและคุณสมบัติสามารถเติบโตขึ้นตามสายงานกว่า 8,000 คน และลูกจ้างกว่า 3,830 คน ส่วนใหญ่ทำงานแทนในตำแหน่งของพนักงานประจำที่ขาดแคลน เห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ สร.รฟท.เสนอไว้ในเรื่องการขอเพิ่มอัตรากำลังพนักงานและไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้างที่เสียสละอุทิศตัวทั้งแรงกาย แรงใจทำงานมาเป็นเวลานาน โดยหวังว่าเมื่อมีการอนุมัติเพิ่มกรอบอัตรากำลังจะได้รับโอกาสในการสรรหาเพื่อบรรจุเป็นพนักงานในลำดับแรก เนื่องจากทำงานมานานมีประสบการณ์และความรู้ความสามารถที่จะทำงานให้กับองค์กรได้ทันที แต่กลับเลือกที่จะคัดสรรบุคคลจากภายนอกมาก่อน 


นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่  20 พฤศจิกายน 2561 ที่เห็นชอบให้ รฟท.ได้รับการยกเว้นจากการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเดิม โดยให้สามารถรับพนักงานเพิ่มเฉพาะปีแรกของกรอบอัตรากำลังไม่เกิน 1,904 อัตรา อีกทั้งไม่สอดคล้องกับอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ รฟท.ปัจจุบันที่ประสบปัญหาขาดแคลนอย่างหนักหลายฝ่าย โดยมีพนักงานและลูกจ้างที่ปฏิบัติงานจริงน้อยกว่าอัตราที่ได้รับอนุมัติเกือบกึ่งหนึ่ง ได้แก่ ฝ่ายการช่างโยธาได้รับอนุมัติ  4,310 อัตรา แต่มีผู้ปฏิบัติงานจริงเพียง 2,370 อัตรา  ฝ่ายการอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมได้รับอนุมัติ 727 อัตรา แต่มีผู้ปฏิบัติงานจริง 510 อัตรา ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถได้รับอนุมัติ 5,527  อัตรา แต่มีผู้ปฏิบัติงานจริง 3;697 อัตรา ฝ่ายบริการโดยสารได้รับอนุมัติ 1,721 อัตรา แต่มีผู้ปฏิบัติงานจริง 1,132 อัตรา ฝ่ายการช่างกลได้รับอนุมัติ 6,831 อัตรา แต่มีผู้ปฏิบัติงานจริง 4,433 อัตรา

ที่สำคัญการที่ทำให้อัตราการกำลังขาดแคลนส่งผลให้พนักงานต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น ไม่มีเวลาพักผ่อนเพราะต้องทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด เป็นเหตุให้ รฟท.มีภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าทำงานวันหยุด ค่าล่วงเวลา และค่าตอบแทนการทำงานเกินกว่าเวลาทำงานปกติจำนวนมาก ซึ่งเปรียบเทียบแล้วเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าค่าจ้างพนักงานที่จะมีการรับเข้ามาบรรจุใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นการขาดแคลนอัตรากำลังยังส่งผลกระทบต่อมาตรฐานการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ทั้งความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เช่น ขบวนรถชานเมืองบางขบวนมีพนักงานทำหน้าที่ดูแล ตรวจตั๋วโดยสารบนขบวนรถจากปกติ 3 คน เหลือเพียงขบวนละ 1 คนเท่านั้น หรือข้อมูลสถิติเหตุอันตรายของรถไฟ ทั้งขบวนรถตกราง ยานพาหนะชนกับขบวนรถ ขบวนรถเฉี่ยวชนคน ยังมีอัตราเกิดที่สูงทุกปี โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มีสถิติการเกิด 228 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 72 ราย และตาย 66 ศพ 

ดังนั้น สร.รฟท.จึงมีจุดยืนชัดเจนเพื่อขอความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ เพื่อให้ทราบถึงมติของผู้บริหารการรถไฟฯ และคณะกรรมการรถไฟฯ โดยเรียกร้องให้มีการดำเนินการสรรหาเพื่อบรรจุพนักงานการรถไฟฯ  3 ข้อ คือ 1.สร.รฟท.ขอยืนยันหลักการสรรหาเพื่อบรรจุเป็นพนักงานอัตรา 1,904 อัตรา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 และสอดคล้องกับแผนฟื้นฟู 2.ขอให้การรถไฟฯ ดำเนินการสรรหาพนักงานเพื่อการบรรจุใหม่ โดยการพิจารณาสรรหาจากกลุ่มลูกจ้างเฉพาะงานเป็นลำดับแรกก่อน เพราะสามารถปฏิบัติงานได้ทันที และทำงานในตำแหน่งที่ขาดอยู่แล้ว โดยการสรรหาให้ปฏิบัติตามระเบียบการรถไฟฯ ฉบับที่ 132 ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานใน รฟท. และ 3.ในส่วนของนักเรียนวิศวกรรมรถไฟที่จบการศึกษาแล้วให้ดำเนินการตามแนวทางเดิมในการบรรจุที่ผ่านมา


สร.รฟท.ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ช่วยผลักดันให้ รฟท.ได้รับอนุมัติเพิ่มกรอบอัตรากำลัง  1,904 อัตรา และหวังว่าจะมีการพิจารณาดำเนินการตามเจตนารมณ์จุดยืนตามข้อเสนอข้างต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดย สร.รฟท.จะติดตามเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งมีแนวทางยกระดับข้อเรียกร้องให้เพิ่มมากขึ้นต่อไปหากไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดยื้อ! ด.ช.5 ขวบ น้ำหนัก 50 กก. อาหารติดคอดับ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจเด็กชายวัย 5 ขวบ น้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาหารติดคอ แต่สุดยื้อ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

เจอร่างใต้ตึกถล่ม

เจออีก 4 ร่างใต้ซากตึกถล่มโซน C จ่อนำเครนยักษ์เปิดพื้นที่

กู้ภัยเจอ 4 ร่างผู้สูญหายตึกถล่ม โซน C รอส่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เตรียมนำเครนเข้ายกแผ่นปูนขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่มากขึ้น

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

ปิดฉาก “มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ยอดจองพุ่ง 7.9 หมื่นคัน โต 44.8%

ยอดจองรถยนต์ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46” รวมทุกเซกเมนต์โตพุ่ง 44.8% หรือคิดเป็น 79,941 คัน โดยเป็น EV 65% ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ยังคงอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1.6 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเลื่อน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นายกฯ ควงหัวหน้าพรรคร่วม แถลงเห็นตรงกันเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน หลังมีเรื่องด่วนกว่า ต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่ไม่ถอนการพิจารณาในสภา บอกการเมืองบิดเป็นกาสิโน ลั่นผู้นำสไตล์ “แพทองธาร” พรรคร่วมต้องเห็นด้วยอย่างเต็มใจ

“คะน้า” แจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊ หลอกจ่ายค่าแชมเปญ

“คะน้า” ดาราสาว แจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม ข้อหาฉ้อโกง หลังหลอกให้จ่ายค่าแชมเปญ 98,000 บาท เพื่อเป็นของขวัญ

ตึกสตง.ถล่ม

เข้าสู่วันที่ 12 นำออกได้อีก 4 ร่าง ภารกิจค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม

หลังดีเอสไอรับคดีตึก สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ วันนี้ (8 เม.ย.) กรรมการคดีพิเศษได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และหารือแรงงานที่เกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในคดีกับผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ขณะที่ กทม. ยืนยันใช้แผนเดิมในการรื้อถอนอาคาร โดยวันนี้จะพยายามตัดยอดส่วนบนให้ได้ 5 เมตร เพื่อหาร่างผู้ติดอยู่ในโซน B และ C