ปัตตานี 24 มิ.ย.- ทะเลเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า โดยเฉพาะทะเลไทย แต่กลับได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยขยะลงสู่ทะเลมากเป็นอันดับ 6 ของโลก กลุ่มนักดำน้ำกลุ่มหนึ่งพยายามช่วยเก็บขยะออกจากทะเล หวังสร้างจิตสำนึกและช่วยลดปริมาณขยะ
ตั้งแต่เช้าตรู่ ทีมนักดำน้ำจิตอาสากว่า 30 ชีวิตจากหลายองค์กร หลายจังหวัด เตรียมลงพื้นที่เกาะลอปี ซึ่งห่างจากฝั่ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ราว 10 กม. แม้วันนี้จะมีรายงานสภาพคลื่นลมที่แรงกว่าที่คาดการณ์ แต่ทุกคนยังคงมุ่งมั่นที่จะเก็บขยะออกจากทะเลให้ได้มากที่สุด
ทันทีที่ถึงจุดหมาย ทุกคนต่างพร้อมใจกันดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเล ที่ระดับความลึกกว่า 18 เมตร โลกใต้ทะเลเกาะลอปีสวยงาม อุดมสมบูรณ์ ทั้งปะการังแข็ง อย่างปะการังกาแล็กซี ปะการังโขด ปะการังดอกกะหล่ำ และปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลานานาชนิด
การปฏิบัติงานใต้น้ำวันนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งคลื่นลม กระแสน้ำแรง น้ำขุ่น ทำให้การดำน้ำ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพื่อความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับปะการังและสัตว์ทะเล ขยะที่พบส่วนใหญ่เป็นเศษอวนจากการทำประมง ขวดแก้ว พลาสติก ซึ่งการดำน้ำกว่า 2 ชม. เก็บขยะได้มากถึง 80 กก.
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ชื่อว่ามีขยะทะเลมากเป็นอันดับ 6 ของโลก ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานพยายามสร้างความตระหนักถึงปัญหาและรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทะเล โดยในพื้นที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 จ.ปัตตานี และนราธิวาส จัดกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะตกค้างในทะเลเป็นประจำทุกปี พร้อมกับการดำเนินมาตรการร่วมกับชุมชน องค์กรปกครองบท้องถิ่นบริเวณชายฝั่ง รณรงค์ สร้างจิตสำนึก จัดเก็บ และลดปริมาณขยะชุมชน นำร่องติดตั้งทุ่นเก็บขยะบริเวณปากแม่น้ำ เพื่อหวังลดปริมาณขยะลงสู่ทะเลให้มากที่สุด
ผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐ พบว่า ปัจจุบันจีนเป็นประเทศมีการปล่อยขยะลงสู่ทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 หรือ เกือบ 9 ล้านตัน/ปี รองลงมาคืออินโดนีเซียกว่า 3 ล้านตัน ฟิลิปปินส์เกือบ 2 ล้านตัน เวียดนาม ศรีลังกา 1.5 ล้านตัน และไทย 1.03 ล้านตัน/ปี เป็นอันดับ 6 ของโลก และขยะที่พบกว่าร้อยละ 80 มีแหล่งกำเนิดจากบนบก มากกว่าร้อยละ 70 เป็นขยะพลาสติกที่ทำลาบระบบนิเวศ และสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งหากเราทุกคนไม่ตระหนักและร่วมกันป้องกัน แก้ปัญหา ทะเลที่สวยงามอาจมีสภาพไม่ต่างจากถังขยะของโลก ที่ยากแก่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตด้วยในอนาคต.-สำนักข่าวไทย