กทม. 19 มิ.ย.- “ปุ๊กกกี้”รับ ผันตัวค้ายาเสพติดเพราะอยากรวย ได้เงินเร็ว ยังไม่พบดารา-นักแสดงเอี่ยว
พลตำรวจโทชินภัทร สารสิน ผู้บัญชการตำรวจปราบปราบยาเสพติดหรือ ปส. เปิดเผยการสอบปากคำ”ปุ๊กกี้” หรือ นางสาวพริสซิลลา จิวเมลลี่ และพวกจนถึงช่วงเช้าวันนี้ว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมืออย่างดี และรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น โดย”ปุ๊กกี้”ยังไม่มีการซัดทอดถึงดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หากพบใครเกี่ยวข้องจะไม่ละเว้น
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า จัดหายาให้ชาวต่างชาติเป็นครั้งที่สอง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีระยะเวลา 2 ปี ประมาณ 10 ล้านบาท โดยใช้วิธีการคล้ายคลึงกับครั้งนี้ กรณีผู้ต้องหาให้การว่ารับยาเสพติดมาจากย่านโชคชัย 4 พบเป็นเครือข่ายของชาวไทย อยู่ระหว่างการตรวจว่าเป็นเครือข่ายในพื้นที่หรือเป็นเพียงจุดนัดรับเท่านั้น และว่า อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาเสพติด เนื่องจากเข้าข่ายเอเย่นต์รายใหญ่ในการค้ายาเค และเป็นเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ
ผบช.ปส.ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและเร่งรัดคดีโดยเฉพาะประเด็นการพบสารเคมีประเภทเบกกิ้งโซดา ที่อาจเป็นสารตั้งต้นหรือส่วนผสมของยาเสพติด นอกจากนี้ยังสั่งเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบบริษัทที่รับขนส่งพัสดุข้ามประเทศ พร้อมขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบการลักลอบขนยาเสพติดออกนอกประเทศ
ด้านพลตำรวจตรีพรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ปุ๊กกี้”กับนายชลวิทย์ คีตะตระกูล สามีให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ติดต่อกับเครือข่ายชาวไต้หวัน ก่อนจัดหายาเคตามออเดอร์ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่หันมาจำหน่ายยาเสพติด สาเหตุที่หันมาค้ายา เพราะต้องการเงินในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และเห็นว่าการค้ายาเสพติดได้เงินจำนวนมากและรวดเร็ว โดยครั้งนี้ได้ส่วนแบ่งจากการค้ายา กว่า 700,000 บาท ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลพฤติกรรมของ ปุ๊กกี้ กับสามี ว่าจำหน่ายยาเสพติดมานานแค่ไหนแล้ว
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่ามีกลุ่มเพื่อนสนิทและบุคคลใกล้ชิด 3-5 คน ติดต่อและพบปะกันเป็นประจำ ตำรวจเร่งตรวจสอบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการเสพยาเสพติดหรือร่วมกันค้ายาเสพติดหรือไม่ ส่วนนายหง เจิ้น อี้ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้มาลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลทางการสืบสวนของตำรวจปราบปรามยาเสพติด พบว่า เครือข่ายค้ายาเคชาวไต้หวัน มีเคลื่อนไหวมานานแล้ว และจะติดต่อกับเครือข่ายคนไทยในการจัดหายาเสพติดจากแหล่งผลิตสามเหลี่ยมทองคำ ก่อนส่งชาวไต้หวัน เข้ามาดำเนินการในทุกขั้นตอน เพื่อลำเลียงยาเสพติดกลับไปที่ไต้หวัน ซึ่งพบว่าขณะนี้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น และยาเคเมื่อถูกส่งไปถึงไต้หวันจะมีราคาสูงถึง 10 เท่า.-สำนักข่าวไทย