พล.อ.ประยุทธ์ จัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ประจำวันวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2559 กล่าวว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา นับตั้งแต่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา อีกทั้งยังเป็น “วันแม่แห่งชาติ” ที่ครอบครัวคนไทย จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า มีกิจกรรมทำร่วมกัน ลูก ๆ มักจะถือโอกาสแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบุพพการีของตน ที่สำคัญอีกประการ คือ ผมถือว่าเป็นวันที่ “ท้องฟ้าเปิดและสดใส” หลังจากที่พี่น้องประชาชน“ผู้มีสิทธิออกเสียง” ได้แสดงออกถึงความรักชาติแสดงพลังอันบริสุทธิ์ ในการไปใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติ โดยเสียงส่วนใหญ่ให้การยอมรับ ทั้งรัฐธรรมนูญและประเด็นคำถามพ่วง นับว่าเป็นสัญญาณการเริ่มเดินหน้าประเทศใหม่อีกครั้ง ภายใต้กติกาและอนาคตที่คนไทยเลือกร่วมกัน ซึ่งผมก็หวังว่าเราจะสามารถสลัดทิ้งพันธนาการและก้าวข้ามกับดักทุกอย่างในอดีตที่ผ่านมา ที่คอยฉุดรั้งสังคมไทยมากว่า 20 ปี สำหรับเหตุการณ์ “ระเบิด” ใน 7 จังหวัดภาคใต้นั้น อาจสร้างความเสียหายกับทรัพย์สินและชีวิต “ผู้บริสุทธิ์” ได้ แต่ไม่อาจสั่นคลอนความรัก ความสามัคคีของคนในชาติและความรักชาติได้ ตัวอย่างที่น่าชื่นชม คือ นายกำธร เกตุแก้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ศูนย์การค้าไชน่าทาวน์ หาดป่าตอง จ. ภูเก็ต ที่ตัดสินใจหิ้ววัตถุต้องสงสัย ออกไปนอกห้างฯ โดยหวังเพียงให้ทุกคนปลอดภัยและประเทศไม่เสียชื่อเสียง ทั้งนี้โดยไม่ห่วงสวัสดิภาพของตนเอง เป็นที่น่ายินดีที่ปลอดภัย ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า “ทุกคน” สามารถแสดงออกถึงความรักชาติ หรือเป็นพลเมืองดีได้ในหลายรูปแบบ เช่น การแจ้งเบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ หรือการให้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดอาคาร สถานที่ และบ้านเรือนของตน หากมีหลักฐานเชื่อมโยง เป็นประโยชน์


สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ฝ่ายความมั่นคงแล้ว เราสามารถจะแจ้งก่อนล่างหน้าได้นะครับโดยการป้องกัน เพราะถ้าทุก ๆ คนช่วยกัน “เป็นหู เป็นตา” แล้ว ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายบ้านเกิดเมืองนอนของเราได้นะครับทุกพื้นที่ขอความร่วมมือ โดยผมขอฝากให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและผู้เกี่ยวข้องได้เผยแพร่ให้คำแนะนำหลักการปฏิบัติที่ถูกต้องในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ สอนหลักการในการเฝ้าระวังบุคคลผู้ต้องสงสัย อากัปกิริยา ท่าทางที่ต้องให้ความสนใจที่ผิดปกติ ส่วนนี้จะเป็นการป้องกัน ป้องปรามให้ได้เป็นมาตรการที่ดีกว่าจะไปแก้ไขภายหลังทั้งเรื่องของความรุนแรง ก่อความไม่สงบและสาธารณภัย เราต้องการป้องกันสังคมให้ปลอดภัย และลดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนให้ได้มากที่สุด สำหรับกรณีนี้ผมขอเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทำงานตามวิถีทางของกระบวนการยุติธรรม การสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามครรลองที่ถูกต้อง เพราะว่าเราต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกระบวนการยุติธรรมของเรา ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐาน

สำหรับเหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกที่ จ. เชียงใหม่ ระหว่างการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า จ. แม่ฮ่องสอน ผมถือว่าผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้เสียสละ ทุ่มเท ในการทำงาน เพราะการเป็น “ทหารของพระราชา” นั้น จะต้องมีหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ และช่วยเหลือประชาชนต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เกิดสาธารณภัย พี่น้องประชาชนต้องการที่พึ่ง รอคอยการหยิบยื่นความช่วยเหลือความเดือดร้อนลักษณะนี้ “แม้นาทีเดียว ก็ไม่อาจจะชักช้าได้” ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัว ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

ทั้งนี้ จากเหตุระเบิดและเฮลิคอปเตอร์ตกผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูแล ให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการ และทุก ๆ ด้าน แก่ผู้เสียหาย ครอบครัว และนักท่องเที่ยว อย่างรวดเร็วและเต็มที่ ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งได้ให้ในส่วนของศูนย์การบินทหารบกหรือว่าทุกหน่วยบินของทางราชการให้มีมาตรการในการเดินทางด้วยอากาศยานให้เป็นไปด้วยความปลอดภัยให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อไป ผมอยากให้พี่น้องประชาชนเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน รัฐบาลก็จะทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุด


ผมได้อ่านบทวิเคราะห์ ในหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเขียนโดยชาวต่างประเทศ ได้กล่าวถึงสาเหตุอันตรายของโลกใบนี้ ก็คือในเรื่อง “ความล้มเหลวของประเทศ” โดยระบุชัดว่า เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเมือง “มากกว่า” ปัจจัยทางเศรษฐกิจ มีคำอธิบายที่น่าสนใจว่า “ความล้มเหลวจากปัจจัยทางการเมือง” ได้แก่ กลุ่มอำนาจทางการเมืองที่ไร้ธรรมาภิบาล แสวงประโยชน์จากการใช้อำนาจ ขูดรีดทรัพยากรของคนอื่น ของประชาชน หรือของชาติ มาเป็นของตนและพวกพ้อง ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม บั่นทอนกำลังใจของประชาชน สร้างความเข้าใจผิด และทำลายแรงจูงใจนักลงทุน เรียกได้ว่าเป็น “การเมืองผูกขาด” อันเป็นต้นตอความไร้เสถียรภาพของบ้านเมืองและการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน บ่อยครั้งในโลกใบนี้ อันตรายเหล่านั้นเกิดขึ้นจากผู้นำทางการเมืองที่เป็น “นักเลือกตั้ง” ซึ่งอาศัยนโยบาย “ประชานิยม” ที่ทำให้เกิดความเสียหาย บริหารราชการแผ่นดินโดยดูแลเพียง “ฐานเสียง” หรือผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม แทนที่จะดูแลแบ่งปันทุกข์สุขและทรัพยากรของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ อย่างมียุทธศาสตร์ ที่ชัดเจน

สำหรับ “หนทางสู่ความสำเร็จ” ของประเทศที่พัฒนาหรือพัฒนาแล้วนั้น ได้แก่ การสร้างระบบการเมืองที่มีการถ่วงดุล ป้องกันการผูกขาดหรือ “อำนาจนิยม” และส่งเสริมความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม ด้วยการมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งจะเป็น “ภูมิคุ้มกัน” ให้ประเทศ รองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ นอกจากนี้ ต้องให้ความสำคัญกับ “นิติรัฐ” เน้นความชอบด้วยกฎหมาย เอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการทุจริต ร่วมทั้งมุ่งส่งเสริมบทบาทภาคเอกชน และสนับสนุนการริเริ่มของทุกภาคส่วน อย่างสร้างสรรค์ มีการบูรณาการ ประเด็นสำคัญก็คือว่า ผมขอเวลาช่วงนี้ไปก่อนแล้วหลังจากที่เรามีการเลือกตั้งมีรัฐบาลให้เข้ามาแล้วนั้น จะต้องดำเนินการให้เต็มที่อย่างที่ผมกล่าวไว้แล้ว อย่างที่เขามีบทวิเคราะห์ของต่างประเทศออกมา ประเทศไทยของเราโชคดี ที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทาน “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ให้แก่ปวงชนชาวไทยและชาวโลกให้การยอมรับ ว่าเป็นแนวทางหนึ่ง ที่จะนำสู่ความสำเร็จในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยยึดถือ “ทางสายกลาง” และเน้น “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ประกอบด้วย ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน รวมทั้งมีความรู้ คู่คุณธรรม รัฐบาลนี้ได้น้อมนำ มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินในทุกระดับ ร่วมกับกลไก “ประชารัฐ” ของรัฐบาล ใช้เวลามา 2 ปี แล้วสามารถพลิกฟื้นวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจนำพาประเทศ รอดพ้นจากความล้มเหลวแล้วเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ อย่างค่อยเป็นค่อยไป หลายอย่างต้องใช้เวลาภายใต้ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวของโลก ดังที่ปรากฏชัดในหลาย ๆ เรื่อง ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง มีการ “ขยายตัว” ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกและทำให้เศรษฐกิจทั้งปีนี้ GDP “เติบโต” ได้ตามเป้าหมาย 3-3.5% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ เช่น การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ 3.8 การจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวเป็นครั้งแรก ในรอบ 13 ไตรมาส ที่ร้อยละ 4.8 การลงทุนภาครัฐยังคงขยายตัวได้ดี ร้อยละ 10.4 และในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจของประเทศ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ วงเงิน 1.64 ล้านล้านบาท ผมเองนั้นเชื่อว่าความเชื่อมั่นในความโปร่งใส มีเสถียรภาพ มีนโยบาย มียุทธศาสตร์ ที่ชัดเจนของรัฐบาลนั้น จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้มีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม แล้วไปสู่ SMEs หรือ Start up ต่างๆ จะช่วยกันทั้งหมด ทุกมิติ ตัวเลขการส่งเสริมการลงทุน ที่ขอมามีการขอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 419% อันนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของต่างประเทศ และภาคเอกชนของไทย ยกตัวอย่างเช่น การขอส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า มีจำนวน 39 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน เกือบ 7,500 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้ว 12 โครงการ เป็นเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ก็จะส่งผลให้การการลงทุนทางเศรษฐกิจในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ “พื้นที่ชายแดน” ขยายตัวประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับก่อนที่รัฐบาลนี้ จะเข้ามาขับเคลื่อนประเทศ

ที่กล่าวนั้น เป็นตัวเลข เป็นข้อมูลเชิงสถิติ เป็นการคาดการนะครับ โดยหลักฐานที่มีอยู่นะครับ ในด้านการลงทุนต่าง ๆ เหล่านั้น เพื่อเป็นใช้หลักการในการกำหนดตัวชี้วัดแล้วก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “เราเริ่มเดินมาถูกทางแล้ว” โดยทำให้มิติทางการเมืองมี เสถียรภาพ มี “ธรรมาภิบาล” ทางด้านมิติเศรษฐกิจและสังคม ก็จะปรับตัวตามไปในทิศทาง “บวก” ทั้งนี้ก็ขอให้ความสำคัญกับฝ่ายความมั่นคงด้วย เพราะเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง โดยภาพรวมแล้ว เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ “ดี” อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ที่ร้อยละ 1.1 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ 0.3 และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เกือบ 3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.5 ของ GDP สอดคล้องกันกับที่ เว็บไซต์บลูมเบิร์ก ที่รายงานว่าประเทศไทย “ครองแชมป์” ประเทศที่มี “ความทุกข์ยาก น้อยที่สุดในโลก” โดยคำนวณจากอัตราเงินเฟ้อ ร่วมกับอัตราการว่างงาน เป็นอันดับ 1 จากทั้งหมด 74 ประเทศทั่วโลก ผมอยากจะพูดว่าเป็นประเทศที่มี “ความสุขมากที่สุด” น่าจะเข้าใจง่ายกว่า เพราะอะไรพวกเราทุกคนต้องช่วยกัน “ความสำเร็จ” ดังกล่าวเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกัน รักกัน สามัคคีกันของทุกภาคส่วนในรูปแบบ “พลังประชารัฐ” ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่ ต้องมีการบูรณาการ และมี “ธรรมาภิบาล” อย่างแท้จริง ตัวอย่าง “ความเชื่อมโยง” พลังประชารัฐ ที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ได้แก่ การประชุมยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0″ กับที่ประชุมของอธิการบดีแห่งประเทศไทย ชื่อย่อ ทปอ. จาก มหาวิทยาลัยรัฐ 27 แห่ง และเครือข่ายองค์การบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ที่ผ่านมา “ภาครัฐ” กับ “ภาควิชาการ” หรือนักวิชาการนั้น ต่างคนต่างเดิน ต่างพูด ไม่มียุทธศาสตร์ร่วมกัน ไม่ได้หารือร่วมกันตั้งแต่ต้น ก็เลยไม่เกิดพลัง มีความขัดแย้งสูง ด้วยความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่มี momentum ในการขับเคลื่อนประเทศ พูดง่าย ๆ คือ งานวิจัยไม่ได้ตอบสนองความต้องการของประเทศ อย่างแท้จริง และไม่สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม อันเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “งานวิจัยขึ้นหิ้ง” วันนี้เราต้องรื้อทั้งหมด ทั้งระบบเลย ทั้ง ๆ ที่งานวิจัย ร้อยละ 90 ของประเทศ เกิดในรั้วมหาวิทยาลัยในของเรา แต่ไม่มีใครเชื่อมโยง ให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง ผู้วิจัย, กลางทาง ได้แก่ผู้ผลิต พัฒนา ต่อยอด สร้างนวัตกรรม แปรรูป ในขั้นสูงขึ้นมา แล้วก็ปลายทาง ไปถึงผู้ใช้ เช่นตลาด ลูกค้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศนะครับ จะต้องทำให้เกิดขึ้นมาให้ได้ ด้วยการบูรณาการกันอย่างแท้จริง

ผมมีตัวอย่างที่ทั้งน่ายินดีและน่าเสียดาย ในเวลาเดียวกัน ได้แก่ หุ่นยนต์ ชื่อ “ดินสอ” ที่ “น่ายินดี” คือเป็นการพัฒนาหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์รายแรก และรายเดียว ของประเทศไทย ที่เป็นบริษัทของคนไทย 100% ในการส่งออกไปต่างประเทศ ไปเสิร์ฟอาหาร ที่ประเทศสวีเดน ไปดูแลผู้สูงอายุ ในญี่ปุ่น มีเป้าหมายผลิตและขาย 1 แสนตัว ภายใน 2 ปี ที่ผมกล่าวว่า “น่าเสียดาย” คือ เป็นการรวมกลุ่มกันเอง มาหลายปีแล้วของอดีตนักศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์แขนงต่าง ๆ ที่เป็น “แชมป์โลก” ในการประกวดหุ่นยนต์ ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วนะ เอามาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด การประกวดต่าง ๆ เหล่านี้ ด้วยความริเริ่มของ นายเฉลิมพล ปุณโณทก แต่ไม่มีภาครัฐเข้าไปสนับสนุน ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ ก็ไม่กล้าเข้าไปลงทุน วันนี้ รัฐบาลนี้ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปพูดคุย ได้ให้ความสำคัญ กับงานวิจัย กับนักวิจัย สิ่ง “น่าเสียดาย” ลักษณะนี้ จะต้องไม่เกิดอีกต่อไปนะครับ ล่าสุด องค์การทรัพย์สินทางปัญญา แห่งโลก (ไวโป) มีรายงานผลการจัดอันดับประเทศ ที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยประเทศไทย ได้อันดับที่ 52 จาก 128 ประเทศทั่วโลกนะครับ ในช่วงนี้ดีขึ้นมา 3 อันดับ

ดังนั้นการประชุมเชิงบูรณาการนี้ ถือว่าเป็น “ครั้งแรก” ในรอบ 10 กว่าปี บรรดานักวิชาการก็ได้กล่าวในที่ประชุมมาว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี ที่ได้มีการหารือกับรัฐบาล เพราะงั้นรัฐบาลก็จะให้วามสำคัญกับภาควิชาการ เข้ามาร่วมกันทำงาน ช่วยกันพัฒนาประเทศ ในกรอบของ “ประชารัฐ” เพื่อขับเคลื่อน “ประเทศไทย 4.0″ ด้วยนวัตกรรม ผลที่ตามมาก็คือความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาในรูปแบบประชารัฐ และเครือข่ายนักวิจัยและแรงงานฝีมือ ในมหาวิทยาลัย ราชภัฏ ราชมงคล อาชีวะ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยการนำนวัตกรรมด้านต่าง ๆ ไปสู่การผลิตและต่อยอด เพื่อใช้เองในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศต่อไป มีหลายอย่างที่เกี่ยวพันเชื่อมโยงกันทั้งหมด การกำหนดมาตรฐาน การผ่าน อย. สมอ. ต่าง ๆ ต้องเร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็วเพื่อจะผลิตได้ จำหน่ายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตรงกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ทั้ง 5 กลุ่มเดิมที่มีศักยภาพ ที่จะต้องพัฒนาไปสู่การมีเทคโนโลยีสูงขึ้น นะครับ และ 5 กลุ่มใหม่ที่เราต้องการส่งเสริม สอดคล้องกับ Thailand 4.0 ทั้งนี้ รัฐบาลจะเข้ามาดูแลด้านนโยบาย กฎหมาย งบประมาณ กองทุน แรงจูงใจด้านภาษี ผลตอบแทนนักวิจัย และมาตรการส่งเสริมต่างๆ อีกด้วย

สุดท้ายนี้ ผมขอเรียนเกี่ยวกับสื่อ online ที่อาจจะมีคนใช้ชื่อผมออกไป ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยผู้ที่สนับสนุนผม รัฐบาล และ คสช. หรือจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งที่อาจจะโดยเจตนา หวังดี หรือจากผู้ไม่ประสงค์ดี ก็ตาม ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “ไม่เคย” ใช้สื่อ online หรือช่องทางอื่นใดในนามของผม ในการสื่อสารกันกับพี่น้องประชาชน เพราะผมต้องการจะพบกับพี่น้องด้วยตัวเอง โดยผ่านช่องทางที่เป็นทางการ “เท่านั้น” อาทิเช่น รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทุกวันศุกร์ เวลาประมาณ 2 ทุ่ม 15 การออกแถลงการณ์ เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ เพื่อต้องการสร้างความเข้าใจ ที่ตรงกัน ให้ทันต่อเหตุการณ์ หรือการให้สัมภาษณ์ ในประเด็นที่สื่อ หรือสังคมให้ความสนใจ ทั้งนี้ก็ต้องการสร้างการรับรู้ และร่วมมือซึ่งกันและกันของคนในชาติ อย่าขยายความเข้าใจผิดๆ กันอีกต่อไปเลย ส่วนช่องทางสื่อสาร “ข้อมูลข่าวสาร” ของรัฐบาลนั้น ก็จะเป็นช่องทางที่สำหรับใช้ในเรื่องที่มีความสำคัญ มีความ เร่งด่วน ลำดับรองๆ ลงไป หรือสิ่งที่เราทำไปแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าวของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกของกระทรวง ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ ก็จะเป็นผู้แจ้งข่าวสาร รายละเอียดกับพี่น้องประชาชน โดยตรง ด้วยตนเอง สิ่งอื่น ๆ ที่ผมกล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ ผมไม่ต้องการจะปิดบังอะไรสื่อทั้งสิ้น หรือประชาชน สังคมทั้งสิ้น เพราะว่าผมจะทำอะไร ผมก็บอกเล่าชี้แจง ให้ทราบทุกครั้ง ไม่ว่าจะก่อน หรือระหว่างทำ หรือว่าหลังจกนั้น เพราะเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติมก็แก้ไขได้ สิ่งที่เราทำได้ เพียงแต่ขอว่าให้พิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเสนอข่าว ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นข้อเท็จจริงก็ตาม เสนอได้แต่ไม่ใช่เป็นการ “ประโคมข่าว” แล้วมีการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายในการที่จะให้สังคม ประชาชนได้ซื้อสื่อต่าง ๆ ในการอ่านนะครับ แข่งขันกันมากในขณะนี้ เพราะว่าต้องไปแข่งกับ Social Media ด้วย วันนี้สื่อจริง ๆ ก็ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องในเชิงธุรกิจ เพราะคนนิยมไปอ่านใน โซเชียล แล้วสามารถที่จะ โพสต์ อะไรต่าง ๆ เข้าไปก็ได้ ทำนองนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ บางอย่างยังไม่ได้ข้อยุติ ยังไม่มีหลักฐานในการกระทำความผิดที่ชัดเจน ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม การสอบสวน สืบสวน ก็อย่าเพิ่งได้ว่ากันเอง แล้วก็ขยายความขัดแย้งไปอื่น ๆ ประเด็นอื่น ส่วนใหญ่มักจะเกิดเกี่ยวกับเรื่องการที่จะสงสัย นี่ โน่น ก็เสนอมาได้ เพียงแต่ว่าอย่าขุดคุ้ยกันจนกระทั่งมันเป๋ไป เป๋มา สังคมก็สับสน เขาก็ไม่มีความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ในการทำงาน แล้วกดดันเจ้าหน้าที่ด้วย บางอย่างทำให้ทุกย่างเสียหายไปทั้งหมด ก็ขอร้องแค่นั้นเอง วันนี้รัฐบาลได้เพิ่มช่องทางการสื่อสาร ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้กับชาวต่างชาติ เป็นภาคภาษาอังกฤษ ในรายการ “ดิ อิน-ไซ-เดอร์ ไทยแลนด์” ช่อง NBT และ NBT World ทุกวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 11 นาฬิกา

สำหรับกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่กำลังจะปิดฉากลง เราได้เหรียญเพิ่ม 2 เหรียญ จากกีฬาเทควันโดคือ1 “เหรียญเงิน” จาก “เจ้าเทม” เทวินทร์ หาญปราบ และ 2 “เหรียญทองแดง” จาก “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ผมขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวไทยแสดงความยินดี และขอชื่นชมนักกีฬา “ทุกคน ทุกประเภท” รวมทั้งโค้ชและทีมงาน ที่ได้ทำหน้าที่ “ตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ” อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี และนำความสุขมาสู่คนไทยอีกครั้งหนึ่ง รวมความไปถึงนักกีฬาประเภทอื่นด้วย ถึงแม้จะไม่ได้เหรียญ ผมและประชาชนคนไทยก็ยังเป็นกำลังใจให้ท่านเสมอ นำกลับมาพัฒนา แก้ไข ปรับปรุงต่อไป ชัยชนะอยู่ไม่ไกล ขอย้ำอีกครั้งว่า “ชัยชนะ” นั้น เป็นทั้งกำลังใจและเป็นโชคด้วย ดังนั้นคนที่ยังไม่สำเร็จ ก็อย่าได้ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นแรง หมดกำลังใจ พยายามต่อไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราได้มาในวันนี้อาจจะมองไม่เห็น ก็คือความเป็นเพื่อน และการมีน้ำใจนักกีฬาให้กันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาไทยนักกีฬาชาวต่างชาติ ที่ผมเห็นว่าเป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันกับเหรียญรางวัลต่าง ๆ ที่ทุกคนพยายามที่จะได้ชัยชนะกัน ในช่วงที่ผ่านมา เดี๋ยวนี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการมากที่สุด ในเวลานี้คือความรัก ความสามัคคี ความเข้าอก เข้าใจซึ่งกันและกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจ ถ้าเข้าใจถึงความปรารถนาดีของรัฐบาล ของ คสช. แล้วท่านก็จะใจเย็นลงบ้าง ว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ใช้เวลาให้น้อยที่สุด ในการที่จะเริ่มต้นในการปฏิรูปประเทศ ในการจะพ้นผ่านอันตรายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากปัจจัย ทั้งภายใน และภายนอกให้ได้ โดยเร็ว ช่วงนี้อาจจะต้องมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ทั้งนี้เพื่อให้สังคม ให้ประเทศชาติ สงบสุข ถ้าไม่สงบสุข มีปัญหา นี่ โน่นกันจนวุ่นวายทั้งหมด มีความรุนแรงเกิดขึ้นก็เดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ เลือกตั้งก็ไม่ได้อีกเพราะบ้านเมืองสับสนวุ่นวานไปหมด อันนี้จะต้องเป็นสิ่งที่จะต้องเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ ผมยืนยันทุกอย่างเป็นไปตาม โร้ดแม๊ป ทุกประการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน นักการเมือง พรรคการเมืองทุกคน ที่หวังดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]