กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – อียูให้สิทธิ์ไทยเจรจาขอรับโควตาส่งออกสินค้าเกษตร 31 รายการใหม่ ภายใต้กรอบ WTO รับมือ Brexit คาดเจรจาเสร็จก่อนเส้นตายออกจากอียู
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาจัดสรรโควตาสินค้าเกษตรของไทยที่ผูกพันไว้กับสหภาพยุโรป (อียู) และสหราชอาณาจักรในกรอบขององค์การการค้าโลก (WTO) จากกรณี Brexit ว่า ล่าสุดอียูตอบรับให้ไทยมีสิทธิ์เจรจาขอรับจัดสรรโควตาสินค้าเกษตรใหม่ภายใต้กรอบ WTO โดยครอบคลุมสินค้าเกษตร 31 รายการที่ไทยเคยได้รับจากอียูก่อนที่จะเริ่มกระบวนการเจรจา Brexit ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก 9 รายการ ข้าว 9 รายการ มันหวาน มันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลัง 4 รายการ ปลาและกุ้งแปรรูป 6 รายการ อาหารสำเร็จรูป พาสตา และบิสกิต 3 รายการ ทั้งนี้ ปี 2560 มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้ง 31 รายการ จากไทยไปอียูสูงถึง 1,395 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนสหราชอาณาจักร กรมฯ ก็ได้ยื่นขอสิทธิ์เจรจาขอรับจัดสรรโควตาภายใต้ WTO แล้วเช่นกันเมื่อเดือนมีนาคม 2562 โดยครอบคลุมสินค้าเกษตร 30 รายการ อาทิ ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก 10 รายการ ข้าว 7 รายการ มันหวาน มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ 3 รายการ ปลาและกุ้งแปรรูป 6 รายการ อาหารสำเร็จรูป น้ำส้ม พาสตา และบิสกิต 4 รายการ ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างติดตามเร่งรัดให้สหราชอาณาจักรตอบรับสิทธิ์เจรจาของไทย ทั้งนี้ ในปี 2560 การส่งออกสินค้าทั้ง 30 รายการจากไทยไปสหราชอาณาจักรมูลค่า 627.61 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาหลังจากนี้จะมุ่งเน้นกำหนดสัดส่วนโควตา เพื่อรักษาส่วนแบ่งสินค้าเกษตรสำคัญของไทยส่งออกไปอียูและสหราชอาณาจักร เนื่องจากที่ผ่านมาการส่งออกสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก (ไก่และเป็ด) ข้าว มันสำปะหลัง และปลาแปรรูป ของไทยได้รับประโยชน์จากโควตาเดิมที่อียูจัดสรรให้ไทยเป็นการเฉพาะ ซึ่งผู้นำเข้าสินค้าจากไทยภายใต้โควตานี้จะเสียภาษีอัตราต่ำ ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าว่าการเจรจาน่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในเดือนกันยายน 2562 ก่อนสหราชอาณาจักรจะถึงกำหนดออกจากอียูเดือนตุลาคม 2562 อย่างไรก็ตาม หากสหราชอาณาจักรและอียูสามารถตกลง withdrawal agreement กันได้ ก็จะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเพื่อปรับตัว โดยระบบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับอียูจะยังคงเดิมจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเดือนธันวาคม 2563 หาก 2 ฝ่ายไม่สามารถมีข้อตกลง withdrawal agreement ร่วมกันได้ก่อนเส้นตายเดือนตุลาคมนี้ หรือที่เรียกว่า Hard Brexit ก็จะส่งผลให้สหราชอาณาจักรต้องกำหนดอัตราภาษีและโควตานำเข้าสินค้าต่าง ๆ ของตนเอง แยกจากอียูตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ปี 2561 ไทยและอียูมีมูลค่าการค้ารวม 47,271 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 25,014 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียูมูลค่า 22,257 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ไก่แปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่ไทยและสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการค้ารวม 7,044 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสหราชอาณาจักรมูลค่า 4,062 ล้านเหรียญสหรัฐ และสหราชอาณาจักรนำเข้าจากไทยมูลค่า 2,981.81 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อาหารทะเล เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย