กทม.31 พ.ค.-กลุ่มผู้ค้าและชาวชุมชนสำเพ็ง ท่าดินแดงยื่นหนังสือคัดค้านสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนราชวงศ์-ท่าดินแดง ระบุไม่ช่วยแก้ไขปัญหาจราจร สิ้นเปลืองงบฯ ทำลายภูมิทัศน์
กลุ่มผู้ค้าและชาวชุมชนสำเพ็ง ทรงวาด ท่าดินแดง เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนราชวงศ์-ถนนท่าดินแดง ซึ่งระบุอยู่ในร่างผังเมืองกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 4 ซึ่งวันนี้(31พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายที่ กทม.เปิดให้ประชาชนยื่นเสนอความคิดเห็นในโครงการ โดยมีตัวแทนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เป็นคนรับหนังสือ โดยระบุกับชาวบ้านว่า จะรีบนำไปส่งต่อไห้สำนักวางผังและพัฒนาเมือง พิจารณาต่อไป
นางชุมศิลป์ โสถิปรีดาวงศ์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า โครงการนี้ กทม.ได้เปิดรับรับความเห็นเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งให้ประชาชนที่ ได้รับผลกระทบจริงๆ ทราบ มีเพียงแค่ตัวแทนผู้นำชุมชนเท่านั้น จึงตัดสิน ใจใช้สิทธิ์รวมตัวมายื่นหนังสือในกำหนดการณ์วันสุดท้าย โดยคนในชุมชนได้ทำการศึกษาถึงผลกระทบที่จะตามมาในภาคประชาชนตั้งแต่ปี2547 ที่โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.2547 โดยคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.)มีมติมอบหมายให้ กทม.เป็นผู้รับผิดชอบในการสำรวจ ออกแบบและก่อสร้าง ก่อนถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2554 แล้วนำกลับมาทำรายงานผล กระทบทางสิ่งแวดล้อมเพื่อก่อสร้างอีกครั้งในปี 2560 ซึ่งลักษณะการก่อสร้างจะเริ่มตั้งแต่ถนนท่าดินแดง17 ถึงแยกทรงวาดความยาว480 เมตร กว้างประมาณ 12 เมตร มีเพียง 2 ช่องจราจร ตัดผ่านถนนราชวงศ์ ท่าเรือราชวงศ์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปท่าเรือดินแดง จนถึงถนนท่าดินแดง โดยอ้างว่าเพื่อแบ่งเบาการจราจรจากสะพานพระปกเกล้า และสะพานพระพุทธฯ
นางชุมศิลป์ กล่าวต่อไปว่า แต่จากการศึกษาในพื้นที่จริงช่วงถนนราชวงศ์ถนนกว้างแค่ 15 เมตร เป็นไปไม่ได้ที่การสร้างสะพานผ่ากลาง กว้าง 12 เมตรจะไม่มีการเวนคืนที่ ถ้าเกิดขึ้นจริงชุมชนเก่าแก่ในพื้นที่ต้องสลายหาย ไปหมดและจากการรวบ รวมรายชื่อกว่า 3,000 คนในชุมชนมีเกินร้อยละ 90 ที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่ช่วยแก้ไขปัญหาจราจร ตรงข้ามยิ่งส่งเสริมให้คนใช้รถมากขึ้น ทั้งที่ กทม.รณรงค์เรื่องการ จราจรมาตลอด แต่กลับทำสิ่งตรงกันข้าม งบประมาณการก่อสร้างกว่า 800 ล้านบาทนำไปรณรงค์หรือปรับปรุงระบบข่นส่งมวลชนให้เกิดการใช้งานมากขึ้นจะดีกว่า อีกทั้งสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
นอกจากนี้ยังทำลายภูมิทัศน์ อาคารบ้านเมืองและส่งผลกระทบในระยะยาวแก่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เพราะจะทำให้ตลาดสำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจและตลาดขายส่งที่อยู่มานานร้อยปี ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาชุมชนเก่าทั้ง 2 ฝั่งเจ้าพระยากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ทำเงินให้กับ กทม.และประเทศอย่างมาก ถ้ายังเดินหน้าสร้าง จะเป็นการทำลายให้ทุกอย่างหายไปชนิดเอากลับคืนมาไม่ได้ อีกทั้งเมื่อปี 2561 ก็ได้ยื่นเรื่องคัดค้านไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจาก กทม.จึงจำเป็นต้องมายื่นอีกครั้ง
นางชุมศิลป์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าที่มายื่นไม่ได้เป็นการกระทำที่แสดงออกถึงความหวงสิทธิ์ หวงพื้นที่ของคนในชุมชนกลุ่มเล็ก ๆ แต่คนในพื้นที่ได้ศึกษามาแล้วว่าไม่คุ้มค่า ยิ่งสร้างปัญหาทั้งชุมชน และการจราจร อีกทั้งในเส้นทางดั้งกล่าว มีทั้งการขนส่งทางเรือและรถไฟฟ้าสายสีทองก็จะเสร็จเปิดใช้ในปีหน้า จึงไม่เห็นความจำเป็นเงินเกือบพันล้าน อยากให้คิดถึงมูลค่าการท่องเที่ยว แหล่งวัฒนธรรม แหล่งอารยธรรมเก่าแก่เกินกว่า 200 ปีว่าคุ้มค่ากันหรือไม่.-สำนักข่าวไทย