กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – กฟน.ร่วมชี้แจงความยากง่ายการขอใช้ไฟฟ้าแก่ธนาคารโลก ตั้งเป้ายกระดับ Doing Business 2020 ของประเทศไทย
นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พร้อมด้วยนายวจี พิทักษ์ปรัชญากุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟน. นายกฤษฎา ตันศิริเสริญกุล ผู้ตรวจการ กฟน. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เข้าประชุมชี้แจงความก้าวหน้าการยกระดับความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการต่อทีมวิจัยธนาคารโลก เพื่อประกอบการจัดเก็บข้อมูลในการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ด้านการขอใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย
นายกีรพัฒน์ กล่าวว่า กฟน.มุ่งมั่นพร้อมพัฒนาระบบการให้บริการและยกระดับคุณภาพงานบริการเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานครอย่างต่อเนื่อง มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เป็นหน่วยงานให้บริการด้านระบบไฟฟ้าตัวแทนประเทศไทยที่ได้ร่วมสนับสนุนภาครัฐชี้แจงให้ข้อมูลแก่ทีมวิจัยจากธนาคารโลก เพื่อใช้พิจารณาการจัดอันดับความยาก-ง่าย การประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา กฟน.มีการพัฒนาปรับปรุงอัตราค่าบริการต่าง ๆ ให้ลดลง อีกทั้งพัฒนานวัตกรรมด้านงานบริการมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขอใช้ไฟฟ้าผ่านทางออนไลน์ด้วย MEA Smart Life Application และทางเว็บไซต์บริการขอใช้ไฟฟ้า MEASY ไม่ต้องเดินทางมา กฟน. อยู่ที่ไหนก็ขอใช้ไฟฟ้าได้ ทราบค่าใช้จ่ายทันที พร้อมชำระค่าบริการได้หลายช่องทางและติดตามสถานะการดำเนินงานได้ทุกขั้นตอน ลดขั้นตอนบริการ โดยขึ้นทะเบียนผู้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เป็นผู้ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในที่พักอาศัยและสถานประกอบการของผู้ขอใช้ไฟฟ้าในคราวเดียวกันเพื่อความรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มตัวแทนรับชำระค่าไฟฟ้าที่ทันสมัย และมีการพัฒนาแผนพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มั่นคงและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กฟน.มีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแผนที่ฐานเชิงรหัส (แผนที่ดิจิทัล) มาตราส่วน 1:1000 สารสนเทศเชิงพื้นที่ (Spatial Map) ที่ทันสมัยได้มาตรฐานมีความละเอียดและแม่นยำสูงมาช่วยให้การออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้าสะดวกรวดเร็ว รวมถึงมีการจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการติดตั้งสายภายในให้แก่ผู้รับเหมาระบบไฟฟ้า ทั้งในกลุ่มบ้านพักอาศัย และกลุ่มธุรกิจ สร้างเครือข่ายผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ สามารถดำเนินการติดตั้งสายไฟฟ้าภายในได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานของ กฟน. ที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจ เพิ่มมากขึ้นได้เพียงพอทำให้ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ว่าการ กฟน. กล่าวต่อไปว่า กฟน.มีความมั่นใจในการพัฒนาปรับปรุงด้านบริการให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง สามารถให้บริการขอใช้ไฟฟ้า ได้สะดวก รวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ คาดว่าทำให้การจัดลำดับ Doing Business ของประเทศไทยด้านการขอใช้ไฟฟ้าปี 2563 ดีขึ้นกว่าปี 2562 สำหรับภาพรวมการจัดอันดับประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลกนั้น ปี 2562 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซีย และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก จาก 190 ประเทศทั่วโลก โดยขยับอันดับขึ้นถึง 7 อันดับ จากอันดับที่ 13 เมื่อปี 2561ผู้ที่สนใจสามารถติดตามดูรายละเอียดบริการ Doing Business ของ กฟน.ได้ที่เว็บไซต์การไฟฟ้านครหลวง หรือคลิกที่ www.mea.or.th/minisite/doingbusinessinbkk/.-สำนักข่าวไทย