กลาโหม 22 ส.ค.-สภากลาโหมกำชับเหล่าทัพไม่ประมาทการดูแลภาคใต้ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งที่ตั้งหน่วยและสถานที่สำคัญ พร้อมประสานการทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด ชี้ระเบิด 7 จว.ใต้เป็นฝีมือกลุ่มทำลายชาติ กำชับใช้ ฮ.ตามหลักนิรภัยการบิน เพื่อป้องกันการสูญเสีย เดินหน้าตั้งศูนย์ไซเบอร์กลาโหม
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 8/2559 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2564 รองรับ “ยุทธศาสตร์ไซเบอร์ เพื่อการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม” ซึ่งผ่านความเห็นชอบสภากลาโหมแล้ว เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 โดยจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์ไซเบอร์ในระดับกระทรวงกลาโหม ภายในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการประสานนโยบายไซเบอร์กับระดับชาติ รวมทั้งรับผิดชอบด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ และปฏิบัติงานด้านไซเบอร์ในระดับยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหมในภาพรวม นอกจากนี้ที่ประชุมร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2564
“แผนแม่บทฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อทดแทนแผนเดิม (55-59) จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2559 นี้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ เป็นการกำหนดนโยบายการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองในระดับกระทรวงกลาโหม เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางพัฒนากิจการกำลังพลสำรอง ทั้งการจัดเตรียมกำลังและการใช้กำลังพลสำรองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม” พล.ต.คงชีพ กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อครอบครัวของทหารทั้ง 5 นายจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ UH-72 ตกที่ดอยอินทรนท์ จ.เชียงใหม่ โดยกำชับกองทัพบกดูแลเรื่องสิทธิกำลังพลและอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่มีอากาศยานในความรับผิดชอบได้ศึกษาเป็นบทเรียนและเข้มงวดกับการปฏิบัติตามกฎนิรภัยการบิน เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียกำลังพลและทรัพย์สินของทางราชการที่อาจจะเกิดขึ้น
“การก่อเหตุร้ายในพื้นที่ท่องเที่ยวของหลายจังหวัดทางภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นความตั้งใจของกลุ่มขบวนการทำลายชาติที่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก สับสน และไม่ปลอดภัย เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยประสงค์ให้รัฐขาดความเชื่อมั่น จากประชาชนและการยอมรับจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่อกิจการภายในประเทศ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหมและเหล่าทัพตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพิ่มความเข้มงวดต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งที่ตั้งหน่วยและสถานที่สำคัญในความรับผิดชอบ รวมทั้งประสานและส่งเสริมการทำงานร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด” พล.ต.คงชีพ กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร ยังกำชับให้ร่วมกันสร้างและขยายเครือข่ายภาคประชาชนให้มีความตระหนักรู้และมีส่วนร่วมกันในการรักษาความปลอดภัยเมืองร่วมกับภาครัฐให้มากขึ้น ควบคู่กับการศึกษาเป็นบทเรียนและขยายการเรียนรู้ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงแนวทางปฏิบัติร่วมกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งต่อภาพและข้อความที่ไม่สมควร โดยขาดการไตร่ตรอง ผ่าน Social Media ที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ สิทธิส่วนบุคคล หรือภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ ปรับตัว และมีส่วนร่วมกันดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของสังคมเมือง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างสงบสุขได้ในภาวะสังคมของการมีภัยคุกคามที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย