เสนอรัฐทบทวนพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า

ตึกช้าง 24 ส.ค.- หลายหน่วยงานด้านพลังงานแจงความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม  ขณะที่มูลนิธิพลังงานแนะให้ทบทวนพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า เพื่อวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าและผลิตพลังงานอื่นได้แม่นยำ กกพ.แนะเร่งออกมาตรการบังคับทำอย่างจริงจัง  


สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดเสวนา เรื่อง “ไฟฟ้าไทย อย่างไรจะลงตัว” นายวีระพล จิระประดิษฐกุล กรรมการกิจการพลังงาน กล่าวว่า การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าเร่ิมซับซ้อนมากขึ้น อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เร่ิมปรับการใช้ไฟฟ้าลดลง เร่ิมผลิตไฟฟ้าใช้เอง จึงนำตัวเลขนอกระบบดังกล่าวเหล่านี้มาคำนวณเพิ่มเติม  แม้แต่รายเล็กยังเร่ิมผลิตไฟฟ้าใช้เองเช่นกัน  ยอมรับการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานจึงต้องปรับปรุง และต้องหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น  จึงต้องหลักดันให้การผลิตไฟฟ้าจากแหล่งอื่น มีสเถียรภาพเหมือนกับการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า กฟผ.  เพื่อเป็นแหล่งส่งให้ กฟผ.ได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งพลังงงานจากชีวมวลและแห่งอื่น และมีความเป็นแห่งการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ซึ่งเร่ิมใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น

ยอมรับว่า เป็นห่วง เรื่องการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง  ด้วยการออกมาตรการบังคับกับหน่วยงานรัฐและเอกชน เพราะมาตรการประหยัดเบอร์ 5 ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากการใช้ไฟ้ฟ้าจะสอดคล้องกับจีดีพี โดยช่วง 10 ปีท่ีผ่านมา หากจีดีพีขยายตัวร้อยละ 10 ความต้องการใช้ไฟ้าจะขยายตัวร้อยละ 11-13 แต่ปีที่ผ่านมาการใช้ไฟฟ้ากลับเติบโตถึงร้อยละ 32 นับว่าสูงมาก อาจเนื่องจากค่าไฟ้ฟ้าถูกหรือปัจจัยอื่น จึงต้องนำมาตรการบังคับออกมาใช้อย่างจริงจัง ต้องเดินหน้าให้ได้ตามแผน PDP เห็นว่าคืบหน้าไปมากน่าพอใจ  โดยยังเป็นห่วงการพัฒนาระบบสายส่งเพื่อคลอบคลุมทั่วประเทศ และต้องส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าส่งให้ กฟผ.แบบคอนเฟิร์มเพื่อส่งให้อย่างต่อเนื่อง การคิดค่าไฟฟ้าต้องให้สะท้อนต้นทุนการผลิต ปัจจุบันราคา 3.20 บาทต่อหน่วย อีกทั้งต้องสื่อให้ประชาชนรับทราบว่า การใช้พลังงานทดแทนทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี ช่วงแรกเมื่อรัฐบาลอุดหนุน รถยนต์เชื้องเพลิงดังกล่าวจะเติบโต ขณะนี้ได้ลดการอุดหนุนแล้ว
อุตสาหกรรมดังกล่าวจึงเร่ิมนิ่ง จึงต้องการให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งกำลังส่งเสริมได้ดูบทเรียนดังกล่าวด้วยเช่นกัน


นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาได้ใช้มาตรการประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้ส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้า 4,500 เมกกะวัตต์ เป็นเงิน 137,000 ล้านบาท ขณะที่ผ่าน PDP ได้มีมาตรการประหยัดพลังงานผ่าน 6 มาตรการ ต้องลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 10,000 เมกกะวัตต์ จึงเป็นการบ้านที่หนักพอสมควรและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกัน

โดย กฟผ.มีแผนลงทุนทั้งการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ การสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงเดิมที่หมดอายุ และการวางระบบสายส่งกระจายทั่วประเทศ ต้องใช้เงินลงทุน 2  ล้านล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ภายในปี 2567  จะมีระบบสายส่งขนาด 500 KW กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ รองรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งโซล่าเซลล์ กังหันลม พลังงานหมุนเวียน เกิดขึ้นมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขยายสายส่งรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รองรับนโยบายรัฐในการกระจายพลังงานไปยังแหล่งอื่นเพิ่มเติม

แผนกระจายพลังงานไปยังพลังานอื่น โดยเพิ่มการผลิตพลังงานถ่านหินจากร้อยละ 18 เพิ่มเป็นร้อยละ 20-25 หากเกิดขึ้นไม่ได้ ต้องนำเข้า LNG อาจทำให้ค่าไฟฟ้าแพงเพราะต้นทุนแพงขึ้น ขณะที่พลังงานถ่านหินมีราคาถูกว่าและยังมีสตอกการผลิตไฟฟ้าได้นานนับร้อยปี ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนพลังงานนิวเคลียร์ร้อยละ 5 ต้องเร่ิมสร้างความทเข้าใจกับประชาชนเร่ิมตั้งแต่ในปัจจุบัน เพื่อชี้แจงเหตุผลในการสร้างโรงไฟฟ้า และหากรับซื้อกระแสไฟฟ้าจากมาเลเซียมีภาระต้นทุนซื้อ 3.8,5,8 บาทต่อหน่วย นับว่าสูงกว่าการผลิตในประเทศที่ราคา 3 บาทต่อหน่วย ยอมรับว่าความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าในภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 5-6 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในระดับร้อยละ 3 ภายในปี 2577 ต้องมีโรงไฟฟ้าขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ และหากโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา เกิดขึ้นไม่ได้ รัฐบาลต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น นำมาชดเชยภาระดังกล่าว


นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า จากแผนพลังงาน
PDP 2015 ได้สอบถามประชาชนมาแล้ว 6 รอบ ต่างเห็นชอบให้กระจายการใช้พลังงานไปยังประเภทต่างๆมากขึ้นจากเดิมเน้นการพึ่งพาเอ็นจีวีมากสุด จึงต้องการกระจายไปยังพลังงานอื่นเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มแหล่งพลังงานจากถ่านหินจากร้อยละ 20 เพิ่มเป็นร้อยละ 25 ในปี 69 นับว่าไม่สูงมากนัก การเพิ่มพลังงานหมุนเวียนจากขยะร้อยละ 8 เพิ่มเป็นร้อย
ละ 10-20 ในปี 69 การรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านจากร้อยละ 7 เพิ่มเป็นร้อยละ 10-15  ด้วยการลดพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากร้อยละ 64 ลดเหลือร้อยละ  45-50  ยอมรับว่าหากต้องปรับการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงาน ต้องปรับเป็นรายภาคให้มากขึ้น เนื่องจากภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟ้ฟ้าสูง จึงต้องกระจายให้การผลิตไฟฟ้ามีความหลากหลาย เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความเป็นห่วงมาก เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 5-6  การใช้พลังงานที่ลงตัวมากที่สุด ต้องเป็นส่ิงประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับได้ และรัฐบาลทำตามเงื่อนไขเวทีสากล และต้องสร้างความั่นคงในราคาสังคมยอมรับได้

นายสุวัฒน์ กมลพนัส รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสหากรรมมีสัดส่วนร้อยละ 44 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ และขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมเร่ิมปรับตัวลดต้นทุน เพราะอุตสหากรรมบางแห่งเปิดทำงานในช่วงกลางคืน จึงทำให้การพีคเปลี่ยนไปอยู่ในช่วงกลางคืน อีกทั้งตัวเลขการใช้ไฟฟ้าของ กฟน.ขยายตัวร้อยละ 6.3 นับว่าเป็นระดับปกติ ขณะที่ กฟภ.กลับเติบโตขยายตัวร้อละ 6.8 เนื่องจากเศรษฐกิจหัวเมืองใหญ่ขยายตัวมากขึ้น โดยภาคอุตสาหกรรมจะใช้ไฟฟ้าสอดคล้องกับจีดีพีของประเทศ

นางสุวพร ศิริคุณ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิพลังงานเพื่อส่ิงแวดล้อม กล่าวว่า เสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานจากแผน PDP 2015 เพราะขณะนี้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากหลายแหล่ง เช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาระบบสายส่งยังมีปัญหาจากการต่อต้านของชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ เนื่องจากระบบสายส่งทำให้ที่ดินมีราคาลดลงไม่เหมือนกับการตัดถนน เพราะในหลายประเทศได้ทบทวนการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานหลายครั้ง และมองว่าค่าไฟ้ฟ้าถูกแพงไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้ไฟฟ้ามีใช้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และคำนวณค่าไฟฟ้าให้เหมาะสม และอยากเห็นมาตรการประหยัดพลังงานซึ่งทำแล้วได้ผลเห็นด้วยกับมาตรการบังคับกับการใช้พลังงาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากระเบิดกัมพูชา ทำพิธีลอยอังคาร

ชลบุรี 24 ส.ค. – 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวดตกใส่ ทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณกลางอ่าวสัตหีบ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก 5 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดของกัมพูชา เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ประกอบด้วย ครอบครัวประชัน ซึ่งสูญเสียนางสาวรุ่งรัศ เด็กหญิงทักษพร และเด็กชายพงศภัค ครอบครัวเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ครอบครัวนางสาวอรุณรัตน์ วันศรี ครอบครัวนายสมศรี ลาภบุญ และครอบครัวนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง นำอัฐิผู้เสียชีวิต เดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ มายังกองเรือยุทธการ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อทำพิธีลอยอังคาร ส่งดวงวิญญาณ โดยกองเรือยุทธการอำนวยความสะดวก สนับสนุนที่พัก รวมทั้ง จัดเรือกร.702 นำครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกลางอ่าวสัตหีบ พิธีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ ทุกคนต่างบอกว่า แม้จะผ่านมา 1 เดือน แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะครอบครัวประชัน ที่ต้องภรรยาและลูกอีก 2 คนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย

ทบ. ตรวจสอบสาเหตุพลทหารเสียชีวิตที่ปราสาทตาเมือนธม

24 ส.ค. – กองทัพบกได้รับรายงานการเสียชีวิตของกำลังพลบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ พร้อมให้การช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างครบถ้วน กองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ พลทหาร พิทยุตท์ โสดา กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เวลา 18.15 น. โดยพบร่างผู้เสียชีวิตภายในห้องสุขา บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พลทหารพิทยุตท์ โสดา อายุ 20 ปี เป็นทหารกองประจำการ รุ่นปี 1/67 จากการสมัครใจเข้ามารับราชการในโครงการพลทหารออนไลน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง พลปืนเล็ก หมู่ปืนเล็กที่ 2 หมวดปืนเล็กที่ 1 สังกัด กองร้อยทหารราบที่ 211 กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยาเสพติด ไม่มีภาวะความเครียด […]

แจงปมเลขบัตรประชาชน “หลวงพ่ออลงกต” ซ้ำคนตาย

กทม. 24 ส.ค.-กรมการปกครอง แจงปม “เลขประจำตัวประชาชน” หลวงพ่ออลงกต ซ้ำกับคนตาย ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ กรณีมีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า นายอลงกต พูลมุข มีชื่อซ้ำกับ นายอลงกต พลมุข ที่มีภูมิลำเนาที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น รวมทั้งวันเดือนเกิดยังตรงกัน ต่างกันเพียงปีเกิด ล่าสุดเฟซบุ๊ก กรมการปกครอง fanpage ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า “กรมการปกครอง ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า ‘หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข ซึ่งเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว’ นั้น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xxx036-50-7 ชื่อจริง อลงกต พูลมุข นามสกุล พูลมุข มีสระอู เกิดปี […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]