เสนอรัฐทบทวนพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า

ตึกช้าง 24 ส.ค.- หลายหน่วยงานด้านพลังงานแจงความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม  ขณะที่มูลนิธิพลังงานแนะให้ทบทวนพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า เพื่อวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าและผลิตพลังงานอื่นได้แม่นยำ กกพ.แนะเร่งออกมาตรการบังคับทำอย่างจริงจัง  


สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดเสวนา เรื่อง “ไฟฟ้าไทย อย่างไรจะลงตัว” นายวีระพล จิระประดิษฐกุล กรรมการกิจการพลังงาน กล่าวว่า การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าเร่ิมซับซ้อนมากขึ้น อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เร่ิมปรับการใช้ไฟฟ้าลดลง เร่ิมผลิตไฟฟ้าใช้เอง จึงนำตัวเลขนอกระบบดังกล่าวเหล่านี้มาคำนวณเพิ่มเติม  แม้แต่รายเล็กยังเร่ิมผลิตไฟฟ้าใช้เองเช่นกัน  ยอมรับการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานจึงต้องปรับปรุง และต้องหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น  จึงต้องหลักดันให้การผลิตไฟฟ้าจากแหล่งอื่น มีสเถียรภาพเหมือนกับการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า กฟผ.  เพื่อเป็นแหล่งส่งให้ กฟผ.ได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งพลังงงานจากชีวมวลและแห่งอื่น และมีความเป็นแห่งการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ซึ่งเร่ิมใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น

ยอมรับว่า เป็นห่วง เรื่องการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง  ด้วยการออกมาตรการบังคับกับหน่วยงานรัฐและเอกชน เพราะมาตรการประหยัดเบอร์ 5 ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากการใช้ไฟ้ฟ้าจะสอดคล้องกับจีดีพี โดยช่วง 10 ปีท่ีผ่านมา หากจีดีพีขยายตัวร้อยละ 10 ความต้องการใช้ไฟ้าจะขยายตัวร้อยละ 11-13 แต่ปีที่ผ่านมาการใช้ไฟฟ้ากลับเติบโตถึงร้อยละ 32 นับว่าสูงมาก อาจเนื่องจากค่าไฟ้ฟ้าถูกหรือปัจจัยอื่น จึงต้องนำมาตรการบังคับออกมาใช้อย่างจริงจัง ต้องเดินหน้าให้ได้ตามแผน PDP เห็นว่าคืบหน้าไปมากน่าพอใจ  โดยยังเป็นห่วงการพัฒนาระบบสายส่งเพื่อคลอบคลุมทั่วประเทศ และต้องส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าส่งให้ กฟผ.แบบคอนเฟิร์มเพื่อส่งให้อย่างต่อเนื่อง การคิดค่าไฟฟ้าต้องให้สะท้อนต้นทุนการผลิต ปัจจุบันราคา 3.20 บาทต่อหน่วย อีกทั้งต้องสื่อให้ประชาชนรับทราบว่า การใช้พลังงานทดแทนทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี ช่วงแรกเมื่อรัฐบาลอุดหนุน รถยนต์เชื้องเพลิงดังกล่าวจะเติบโต ขณะนี้ได้ลดการอุดหนุนแล้ว
อุตสาหกรรมดังกล่าวจึงเร่ิมนิ่ง จึงต้องการให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งกำลังส่งเสริมได้ดูบทเรียนดังกล่าวด้วยเช่นกัน


นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาได้ใช้มาตรการประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้ส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้า 4,500 เมกกะวัตต์ เป็นเงิน 137,000 ล้านบาท ขณะที่ผ่าน PDP ได้มีมาตรการประหยัดพลังงานผ่าน 6 มาตรการ ต้องลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 10,000 เมกกะวัตต์ จึงเป็นการบ้านที่หนักพอสมควรและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกัน

โดย กฟผ.มีแผนลงทุนทั้งการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ การสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงเดิมที่หมดอายุ และการวางระบบสายส่งกระจายทั่วประเทศ ต้องใช้เงินลงทุน 2  ล้านล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ภายในปี 2567  จะมีระบบสายส่งขนาด 500 KW กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ รองรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งโซล่าเซลล์ กังหันลม พลังงานหมุนเวียน เกิดขึ้นมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขยายสายส่งรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รองรับนโยบายรัฐในการกระจายพลังงานไปยังแหล่งอื่นเพิ่มเติม

แผนกระจายพลังงานไปยังพลังานอื่น โดยเพิ่มการผลิตพลังงานถ่านหินจากร้อยละ 18 เพิ่มเป็นร้อยละ 20-25 หากเกิดขึ้นไม่ได้ ต้องนำเข้า LNG อาจทำให้ค่าไฟฟ้าแพงเพราะต้นทุนแพงขึ้น ขณะที่พลังงานถ่านหินมีราคาถูกว่าและยังมีสตอกการผลิตไฟฟ้าได้นานนับร้อยปี ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนพลังงานนิวเคลียร์ร้อยละ 5 ต้องเร่ิมสร้างความทเข้าใจกับประชาชนเร่ิมตั้งแต่ในปัจจุบัน เพื่อชี้แจงเหตุผลในการสร้างโรงไฟฟ้า และหากรับซื้อกระแสไฟฟ้าจากมาเลเซียมีภาระต้นทุนซื้อ 3.8,5,8 บาทต่อหน่วย นับว่าสูงกว่าการผลิตในประเทศที่ราคา 3 บาทต่อหน่วย ยอมรับว่าความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าในภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 5-6 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในระดับร้อยละ 3 ภายในปี 2577 ต้องมีโรงไฟฟ้าขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ และหากโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา เกิดขึ้นไม่ได้ รัฐบาลต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น นำมาชดเชยภาระดังกล่าว


นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า จากแผนพลังงาน
PDP 2015 ได้สอบถามประชาชนมาแล้ว 6 รอบ ต่างเห็นชอบให้กระจายการใช้พลังงานไปยังประเภทต่างๆมากขึ้นจากเดิมเน้นการพึ่งพาเอ็นจีวีมากสุด จึงต้องการกระจายไปยังพลังงานอื่นเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มแหล่งพลังงานจากถ่านหินจากร้อยละ 20 เพิ่มเป็นร้อยละ 25 ในปี 69 นับว่าไม่สูงมากนัก การเพิ่มพลังงานหมุนเวียนจากขยะร้อยละ 8 เพิ่มเป็นร้อย
ละ 10-20 ในปี 69 การรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านจากร้อยละ 7 เพิ่มเป็นร้อยละ 10-15  ด้วยการลดพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากร้อยละ 64 ลดเหลือร้อยละ  45-50  ยอมรับว่าหากต้องปรับการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงาน ต้องปรับเป็นรายภาคให้มากขึ้น เนื่องจากภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟ้ฟ้าสูง จึงต้องกระจายให้การผลิตไฟฟ้ามีความหลากหลาย เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความเป็นห่วงมาก เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 5-6  การใช้พลังงานที่ลงตัวมากที่สุด ต้องเป็นส่ิงประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับได้ และรัฐบาลทำตามเงื่อนไขเวทีสากล และต้องสร้างความั่นคงในราคาสังคมยอมรับได้

นายสุวัฒน์ กมลพนัส รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสหากรรมมีสัดส่วนร้อยละ 44 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ และขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมเร่ิมปรับตัวลดต้นทุน เพราะอุตสหากรรมบางแห่งเปิดทำงานในช่วงกลางคืน จึงทำให้การพีคเปลี่ยนไปอยู่ในช่วงกลางคืน อีกทั้งตัวเลขการใช้ไฟฟ้าของ กฟน.ขยายตัวร้อยละ 6.3 นับว่าเป็นระดับปกติ ขณะที่ กฟภ.กลับเติบโตขยายตัวร้อละ 6.8 เนื่องจากเศรษฐกิจหัวเมืองใหญ่ขยายตัวมากขึ้น โดยภาคอุตสาหกรรมจะใช้ไฟฟ้าสอดคล้องกับจีดีพีของประเทศ

นางสุวพร ศิริคุณ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิพลังงานเพื่อส่ิงแวดล้อม กล่าวว่า เสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานจากแผน PDP 2015 เพราะขณะนี้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากหลายแหล่ง เช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาระบบสายส่งยังมีปัญหาจากการต่อต้านของชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ เนื่องจากระบบสายส่งทำให้ที่ดินมีราคาลดลงไม่เหมือนกับการตัดถนน เพราะในหลายประเทศได้ทบทวนการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานหลายครั้ง และมองว่าค่าไฟ้ฟ้าถูกแพงไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้ไฟฟ้ามีใช้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และคำนวณค่าไฟฟ้าให้เหมาะสม และอยากเห็นมาตรการประหยัดพลังงานซึ่งทำแล้วได้ผลเห็นด้วยกับมาตรการบังคับกับการใช้พลังงาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]