ภูเก็ต 17 เม.ย.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีชาวต่างชาติติดตั้งบ้านลอยน้ำกลางทะเลภูเก็ต พบก่อสร้างโรงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นที่ดินเช่ากว่า 1,000 ไร่ ขณะที่ ตม.สั่งเพิกถอนวีซ่าเจ้าของบ้านแล้ว
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามกรณีมีการติดตั้ง “วัตถุลอยน้ำ” นอกเขต 12 ไมล์ทะเล โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 นายอำเภอเมือง นายอำเภอกะทู้ นายอำเภอถลาง ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อัยการจังหวัดภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ด่านศุลกากรภูเก็ต พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครอง ประมงจังหวัดภูเก็ต โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ตประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วม
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามการดำเนินการกรณีที่มีชาวต่างชาติ ติดตั้ง “วัตถุลอยน้ำ” ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น อยู่ห่างจากแหลมพันวาจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 39 กิโลเมตรหรือ 12 ไมล์ทะเล โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายใต้ ภารกิจที่มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิ การนำเข้าวัตถุที่นำมาประกอบ สถานที่ประกอบอุปกรณ์ ที่เรียกว่า “วัตถุลอยน้ำ” การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำในบริเวณเขตน่านน้ำ จึงเป็นอำนาจของ ทัพเรือภาคที่ 3 โดย ศรชล เขต 3 ซึ่งขณะนี้ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ตามกฎหมาย มาตรา 119 ที่สถานีตำรวจภูธรวิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต จะดำเนินการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ สอบสวนบริษัทที่รับจ้างต่อเรือและวัตถุลอยน้ำเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตกล่าวว่า เขต 12 ไมล์ทะเลเป็นอำนาจอธิปไตยของไทยและมีเขตต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลซึ่งยังคงอยู่ในอำนาจการดูแลของไทยในเรื่องของการควบคุมมลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อมเช่นการทิ้งของเสียน้ำเสียขยะหรือการปล่อยน้ำมันและจากเส้นฐานศูนย์กลางไปอีก 200 ไมล์ทะเล จะเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะซึ่งจะเป็นการใช้น้ำเพื่อการประมงทั้งนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะเร่งดำเนินการตามกฎหมายแจ้งให้ผู้ก่อสร้างทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างภายใน 30 วัน ทั้งนี้หากผู้ก่อสร้างไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 ดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างดังกล่าวต่อไปเพราะหากปล่อยไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือและเนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตแต่อย่างใดซึ่งเบื้องต้นสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตได้ออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตแจ้งเตือนไปยังชาวประมงและผู้ที่เดินเรือให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างวัตถุลอยน้ำดังกล่าวเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินเรือ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อุตสาหกรรม จ.ภูเก็ต ที่ดิน จ.ภูเก็ต เจ้าท่าภูมิภาค จ.ภูเก็ต ทหารเรือ ทหารบกกองกำลังรักษาความสงบ จ.ภูเก็ต จากกองทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงงานที่ก่อสร้างบ้านลอยน้ำที่ ม.7 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบเป็นที่ดินของของนายหัวใหญ่ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 1,000 กว่าไร่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย แต่ให้บริษัทชาวฝรั่งเศสเช่าทำอู่ต่อเรือหรู มาประมาณ 2 ปี และเจ้าหน้าที่ขอดูใบอนุญาตในการก่อสร้างโรงงานจากนายช่างใหญ่ชาวฝรั่งเศสปรากฏว่าไม่มีและแจ้งว่าอยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องขอตั้งโรงงาน จึงยังไม่มีใบอนุญาตในการก่อสร้างโรงงานมาแสดง และยังพบว่ามีการขุดตักหน้าดินดดยไม่ได้ขออนุญาตเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ยังพบแบบแพนการก่อสร้างบ้านลอยน้ำติดอยู่ที่อู่ต่อเรือ 1 ใบ เป็นแบบแพนที่สมบูรณ์แบบ สอบถามนายช่างชาวฝรั่งเศสรับว่าเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านลอยน้ำจริงโดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 เดือน และสร้างเสร็จนำออกไปลงทะเลเมื่อประมาณ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีชาวต่างชาติและภรรยาชาวไทยมาว่าจ้างให้สร้างตามแบบที่มีเห็นติดไว้ และไม่ได้สอบถามว่าจะนำไปติดตั้งที่ใดเพราะผุ้ว่าจ้างนำเรือมาขนไปเอง
นายวัชรินทร์ ไชยานุพงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า โรงงานที่ก่อสร้างวัสดุลอยน้ำ หรือบ้านลอยน้ำในทะเลนั้น ตั้งอยู่พื้นที่ หมู่ที่ 7 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นโรงงานอู่ต่อเรือ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่า โรงงานดังกล่าวไม่ได้ขอใบอนุญาตเปิดเป็นโรงงานต่อเรือแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องมีการดำเนินการสั่งปิดต่อไป
พ.ต.อ.คฑาธร คำเที่ยง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่า คนต่างด้าวที่เป็นผู้ดำเนินการลงทุนก่อสร้างบ้านลอยน้ำนั้น เข้าเมืองมาโดยใช้วีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant) ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ 90 วัน หลังจากนั้นได้มีการต่อวีซ่ามาโดยตลอด วีซ่ายังไม่ขาด แต่เมื่อเกิดเหตุ ทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้รายงานเข้ามายังตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ว่าบุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวเข้ามาดำเนินการในลักษณะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเข้าตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 12 บุคคลต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม และความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร ทาง ตม.ภูเก็ตได้เสนอขออนุมัติเพิกถอนวีซ่าอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว และได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน จึงได้มีการดำเนินการลงบันทึกเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแจ้งให้บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวทราบว่าไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในประเทศไทยอีก และจากการตรวจสอบเอกสาร ตม.บุคคลต่างด้าวรายดังกล่าวยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามตัว โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัวต่อไป อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมหารือวันต่อวันจนกว่าการแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จ.-สำนักข่าวไทย