ประธานกกต.ยอมรับจัดเลือกตั้งมีข้อผิดพลาดเร่งแก้ไข

กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- ประธาน กกต.น้อมรับเสียงโจมตี  ยอมรับจัดเลือกตั้งมีข้อผิดพลาด บกพร่องจริง พร้อมเร่งแก้ไขให้ดีที่สุด ยังไม่มองปัจจัยร้องให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ  ย้ำเปิดเผยผลคะแนนต่อสาธารณะทุกหน่วยแล้วตรวจสอบได้  เบื้องต้นขอให้สันนิษฐานว่าการนับคะแนนอย่างเปิดเผยถูกต้อง-ชอบธรรม ส่วนปมบัตรนิวซีแลนด์มีมติไม่เปิดนับตามที่กฎหมายให้อำนาจ ยังไม่โชว์สปิริตลาออก ขอเดินหน้าทำงานให้มีประสิทธิภาพ 


ศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตย  เวลา 13.45 น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต.ว่า เสียงโจมตีและการให้ความเห็นของประชาชนเป็นสิ่งที่ กกต.เคารพ เพราะความผิดพลาดก็มีอยู่จริง  สิ่งที่ กกต.ต้องทำ คือตอบให้ได้ว่าข้อผิดพลาดเกิดจากอะไรและจะแก้ไขอย่างไร ตรงนี้เป็นประเด็นหลัก  การถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติของการทำงานในลักษณะนี้  จะไม่รับฟังเสียงโจมตีคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามองในแง่สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องเตือนใจ  ให้คำนึงถึงการทำงานต่อไปให้ดีที่สุด

ประธาน กกต. กล่าวว่า ส่วนที่มีการขอให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนเป็นรายหน่วยเลือกตั้งนั้น   ในความเป็นจริง ทุกหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.เมื่อนับคะแนนเสร็จแล้ว  ก็จะติดประกาศผลคะแนนไว้ที่หน้าหน่วย  ขั้นตอนในขณะนี้ คือ กรรมการประจำหน่วยจะส่งผลคะแนนมาที่ กกต.เขต  ให้รวบรวมส่งมายัง กกต.จังหวัด  เพื่อส่งต่อมายัง กกต.กลาง 


นายอิทธิพร กล่าวว่า  ข้อมูลผลคะแนนมีการเปิดเผยตั้งแต่ระดับหน่วยเลือกตั้งอยู่แล้ว ประชาชนสามารถขอข้อมูลผลการนับคะแนนได้  จาก กกต.เขต หรือ กกต.จังหวัด โดยในการประชุมช่วงเช้าที่ผ่านมา กกต.ก็ได้กำชับกับสำนักงานฯ ให้แจ้งไปยังสำนักงาน กกต.จังหวัด  ให้ส่งรายงานผลการนับคะแนนจากทุกเขตมายัง กกต.กลาง เพื่อดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง  และคิดว่าข้อมูลหลังจากนั้นไม่น่าจะมีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้  ส่วนที่มีการเรียกร้องให้นับคะแนนใหม่ทั้งหมด ตนอยากให้ดูประเด็นว่า ทุกหน่วยเลือกตั้งที่เปิดให้ลงคะแนนเมื่อวันที่ 24 มี.ค. เมื่อถึงเวลาปิดหีบ มีการนับคะแนนอย่างเปิดเผย โดยมีประชาชนและผู้สังเกตการณ์ไปเฝ้าดูอยู่ จึงอยากให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการนับคะแนนในที่สาธารณะ โดยมีผู้มีส่วนได้เสียร่วมสังเกตการณ์อยู่ด้วย เป็นการนับคะแนนที่ถูกต้องชอบธรรมในเบื้องต้น  ข้อร้องเรียนในความผิดปกติในบางหน่วยมีอยู่จริง แต่จะนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ยังตอบไม่ได้ 

ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนยังคาใจต่อการทำงานของ กกต. ว่า ขอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นข่าวลือ  ซึ่งเรามีกลไกตรวจสอบ ถ้าเป็นข่าวลือ ข่าวเท็จ ข่าวให้ร้าย เราก็คงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และกลุ่มที่ 2 เป็นการรายงานข้อมูลบกพร่องผิดพลาด  เราก็จะตรวจสอบว่าข้อผิดพลาดบกพร่องเกิดจากอะไร และจะแก้ไขได้อย่างไร ซึ่งก็จะชี้แจงให้ประชาชนทราบอย่างสม่ำเสมอ   ทั้งในรูปของเอกสาร  หรือตั้งโต๊ะแถลงข่าว   เรามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข่าวทั้งข่าวจริง ข่าวเท็จ และจะมีการให้ข้อมูล   ล่าสุดมีการเสริมประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น โดยให้มีตัวแทนของ กกต.เข้าไปร่วมและให้ข้อคิดเห็นในทุกกรณี  เพื่อให้เกิดความรอบคอบ เพราะมีข้อร้องเรียนเข้ามาเยอะมาก  เมื่อวานได้ชี้แจงไปแล้วบางส่วน  อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดนี้จะทำงานต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเราตั้งใจว่าทุกข้อสงสัยที่ประชาชนสนใจ กกต.จะพยายามตอบให้ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด 

นายอิทธิพร กล่าวถึงกรณีบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่ประเทศนิวซีแลนด์   ซึ่ง กกต.มีมติไม่นำบัตรมานับคะแนน ว่า  การประชุมเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา กกต.ใช้เวลาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับบัตรเลือกตั้งของนิวซีแลนด์ที่ส่งมาถึง  ซึ่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 114  มีหลายสาเหตุที่กกต. มีอำนาจสั่งไม่ให้นับคะแนน และให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย  โดยเฉพาะเรื่องของการส่งบัตรล่าช้า   ซึ่งบัตรจากนิวซีแลนด์ในข้อเท็จจริงยังไปไม่ถึงสถานที่เลือกตั้ง ยังอยู่แถวนี้ จึงไม่เข้าข่าย มาตรา 114  ซึ่งระบุว่าเมื่อมีการส่งบัตรเลือกตั้งไปยังสถานที่เลือกตั้งภายหลังเริ่มนับคะแนนแล้ว  การพิจารณาเราต้องให้มั่นใจว่า กฎหมายให้อำนาจอะไรเราบ้าง เมื่อเราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้ามาตรา 114  สิ่งที่เราทำได้ คือมีมติไม่ให้นับคะแนน ซึ่งก็คล้ายกับกรณีที่มีการส่งบัตรล่าช้าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่าน ๆ มา คือส่งมาไม่ทันการนับคะแนน จึงต้องนำบัตรดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ 


เมื่อถามว่าหากนำบัตรจากนิวซีแลนด์มาเปิดนับ จะเกิดปัญหาการเลือกตั้งไม่เป็นความลับและนำไปสู่การร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่  นายอิทธิพร กล่าวว่า ตรงนี้ยังตอบไม่ได้  แต่ที่ กกต.มีมติก็อยู่บนพื้นฐานที่ได้อธิบายให้ฟังว่า บัตรเหล่านี้ไม่ใช่บัตรเสีย เป็นเพียงบัตรที่ส่งมาล่าช้า ส่งมาถึงภายหลังปิดการนับคะแนน  ส่วนจะมีการนำไปสู่การฟ้องร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่นั้น ตนคงตอบไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันหลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ จะพิจารณาไปในแง่มุมใด  แต่ในชั้นนี้ กกต. คิดว่า เหตุผลที่เราตัดสินใจว่าไม่สามารถนับเป็นคะแนนได้ เพราะบัตรส่งมาไม่ทัน  

เมื่อถามถึงภาพรวมการเลือกตั้งว่ามีประเด็นใดจะนำไปสู่การวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีประเด็นใด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี  ที่ผ่านมาก็มีการนับคะแนนผิด ส่งบัตรเลือกตั้งผิด ในบางหน่วยเลือกตั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ กกต.ไม่อยากให้เกิด ขณะนี้จึงอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกกต. จะทยอยชี้แจงเป็นรายกรณีไป ให้เร็วที่สุด

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่า การประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. อาจไม่เป็นที่ยอมรับ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังไม่กลัว เพราะสิ่งที่ถามเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่ขอตอบ  สิ่งที่กกต.ต้องทำในขณะนี้คือการเลือกตั้งที่ผ่านไป มีการร้องเรียนในประเด็นใดบ้าง และผลของการร้องเรียนจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่หรือไม่  เมื่อถามย้ำว่า แต่ละฝ่ายพยายามเร่งจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปได้หรือไม่ที่กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งให้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ ประธาน กกต.กล่าวว่า เราก็อยากทำให้เร็วที่สุด ไม่อยากทำอะไรช้า แต่ที่ต้องช้าไปเล็กน้อยเพราะอยากให้มั่นใจว่า มันจะไม่ผิดพลาดเหมือนกับบางกรณีที่เราผิดพลาดไปแล้วบ้าง 

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มีการเข้าชื่อถอดถอน กกต.แล้ว ถึง 8 แสนรายชื่อ   นายอิทธิพร กล่าวว่า สิ่งที่อยากทำในตอนนี้  คือดูว่ามีอะไรผิดพลาด และสิ่งใดสำคัญ  ขอทำในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบให้ดีก่อน  แก้ไขสิ่งผิดพลาดให้ดีที่สุด  เรื่องอื่นก็สุดแล้วแต่ ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ กกต.แสดงสปิริตด้วยการลาออกนั้น   ตนยังไม่ขอตอบ เพราะยังมุ่งเน้นทำงานให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด   โดยขณะนี้ กกต.เริ่มพิจารณาเรื่องร้องเรียนและร้องคัดค้านแล้ว  แต่ไม่ได้กำหนดว่าวันหนึ่งจะต้องพิจารณาให้ได้กี่เรื่อง ทราบว่าในอดีตมีเรื่องร้องเรียนมากกว่า 500 เรื่อง แต่ในครั้งนี้มีประมาณ 100 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร้องคัดค้านการเลือกตั้งในต่างจังหวัด.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]