กฟผ. เตรียมใช้ปาล์มน้ำมันผลิตกระแสไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 18 มี.ค.  – โรงไฟฟ้าบางปะกง เตรียมใช้ปาล์มน้ำมันผลิตกระแสไฟฟ้า 1,500 ตันต่อวัน โดยจะเริ่มพรุ่งนี้เป็นวันแรก หลังทดสอบการเดินเครื่องเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาไม่พบปัญหา


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการใช้น้ำมันปาล์มผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และพิจารณาเพิ่มจุดรับซื้อปาล์มน้ำมันเพิ่มเติม ว่า คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ หรือ กนป. ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ.เพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากวันละ 1,000 ตันเพิ่มเป็นวันละ 1,500 ตัน เพื่อเร่งดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบได้เร็วขึ้น ซึ่งล่าสุดจากการทดสอบระบบการผลิตโดยใช้ปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นที่โรงไฟฟ้าบางปะกงเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 มีนาคม 2562 นั้นสามารถทำได้ ทำให้โรงไฟฟ้าบางปะกง จะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำนัมปาล์มวันละ 1,500 ตันผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปซึ่งปริมาณน้ำมันปาล์มที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ในปี 2561 ไทยผลิตปาล์มน้ำมันได้ 2 ล้าน 5 แสนตันถึง 2 ล้าน 6 แสนตัน แต่ในปี 2562 คาดว่าจะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดประมาณกว่า 3 ล้านตัน ดังนั้น กฟผ.จะต้องเพิ่มจุดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่ จ.สุราษฎร์ธานีอย่างเร่งด่วนโดยจะรับซื้อปาล์มน้ำมันได้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คาดว่าจะทำให้เกษตรกรสามารถขายปาล์มดิบได้ในราคากิโลกรัมละ 3 บาท – 3.20 บาท นอกจากนี้จะเร่งดำเนินการชำระเงินให้แก่โรงสกัดให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันทำการ จากเดิม 15 วันทำการ

ปัจจุบันมีผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ.จำนวน 31 ราย รวมปริมาณ 155,000 ตัน โดย กฟผ.ได้ทำสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วปริมาณ 126,000 ตัน คงเหลืออยู่ระหว่างการทำสัญญา 29,000 ตันและอยู่ระหว่างการแจ้งของกรมการค้าภายในอีก 5,000 ตันซึ่งจะทำให้ครบ 160,000 ตันตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้


นายศิริ กล่าวถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ รวมกำลังการผลิต 2,725 เมกกะวัตต์ ว่า จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 ปีโดยจะนำร่องโครงการแรกมูลค่า 2,0000 ล้านบาท ที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานีใช้พื้นที่ผิวน้ำในการติดตั้ง 450 ไร่ ขนาด 45 เมกกะวัตต์ซึ่งเป็นโครงการไฮบริดแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย กฟผ.จะออกประกาศเชิญชวนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 และยื่นซองประมูลภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 และจะประกาศผู้ชนะภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2562 คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในเดือนมกราคม 2563 และจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทันตามแผนในเดือนธันวาคม 2563 ซึ่ง รัฐมนตรีพลังงานย้ำว่า จะให้แต้มต่อสำหรับผู้ประมูลที่เป็นคนไทยและใช้อุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศไทยก่อนเป็นอันดับแรก . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่ม

วันที่ 6 ปรับแผนใช้เครนยักษ์ยกปูนค้นหา 72 ชีวิต

เข้าสู่วันที่ 6 ทีมงานกู้ซากตึกถล่ม ปรับแผนค้นหา 72 ชีวิต ด้านญาติผู้สูญหายยังคงรอความหวัง บางส่วนจุดธูปปักลงดิน ขอแม่ธรณีเปิดทางช่วยทุกคนรอดชีวิต

นายกฯ เยี่ยมญาติตึกถล่ม

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย

นายกฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย “ขอให้ดูแลตัวเอง อย่าพึ่งป่วย”

กิจการร่วมค้าซีไอเอส

สั่งฟัน “กิจการร่วมค้าซีไอเอส” จ่อยกเลิกสัญญาจ้างสร้างเทอร์มินัลใหม่

“มนพร” รมช.คมนาคม สั่งฟัน “กิจการร่วมค้าซีไอเอส” เตรียมยกเลิกสัญญาจ้างสร้างเทอร์มินัลใหม่ “สนามบินนราธิวาส” พร้อมขึ้นแบล็คลิสต์เป็นผู้ทิ้งงาน ห้ามรับงานภาครัฐ หลังพบสร้างช้ากว่าแผน 60.76% งานอืดรวม 631 วัน มอบ ทย. ลุยตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ จี้ให้รายงานกลับมาภายใน 3 วัน ยันทุกโปรเจกต์ต้องผ่านมาตรฐาน-การตรวจเช็กจากวิศวกร

จำคุกชาวจีน

ศาลสั่งจำคุก 4 ชาวจีน ขนเอกสาร ตึก สตง.ถล่ม

ศาลพิพากษาจำคุก 4 ชาวจีน เข้าไปขนเอกสาร จากพื้นที่ อาคาร สตง. ถล่ม คนละ 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี