กรุงเทพฯ 18 มี.ค. – อธิบดีกรมธนารักษ์แจงบ้านประชารัฐให้สิทธิ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการก่อน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเข้าถึงบริการของรัฐ
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงกรณีนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร โพสต์ข้อความผ่านหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจว่าโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุไม่ได้ทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงในชีวิต เป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบจากการเช่ารายเดือนมาเป็นการเช่าระยะยาวกับรัฐเป็นระยะเวลา 30 ปี ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มข้าราชการหรือคนของรัฐเท่านั้น ดังนั้น หากรัฐบาลยืนยันจะดำเนินโครงการต่อไป ไม่ควรใช้ชื่อบ้านประชารัฐ แต่ควรเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านเช่าสวัสดิการของรัฐจะเหมาะสมมากกว่านั้น
นายอำนวย กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 เห็นชอบกรอบการดำเนินโครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนที่ดินราชพัสดุ เป็นโครงการที่ให้ผู้ประกอบการลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาทิ บ้านแฝด/บ้านแถว/อาคารชุดพักอาศัย โดยมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ขายให้ประชาชนราคา 350,000 – 700,000 บาทต่อหน่วย รวมทั้งกำหนดให้มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางไม่เกินร้อยละ 30 ของพื้นที่โครงการฯ เพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น และ/หรือเป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ โดยกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 1.ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท/คน/เดือน (Gross Income) และ 3.ประชาชนทั่วไป โดยพิจารณากลุ่มเป้าหมายลำดับที่ 1 ก่อน เมื่อ Supply เหลือจึงพิจารณากลุ่มเป้าหมาย 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้กรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยและกรมธนารักษ์ให้สิทธิ์การเช่าที่ดินราชพัสดุ 30 ปี
ส่วนโครงการบ้านสวัสดิการเป็นการจัดสวัสดิการให้แก่ข้าราชการ/ลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ โดยนำที่ราชพัสดุมาจัดสร้างบ้านพักอาศัยและให้สิทธิ์เฉพาะข้าราชการ/ลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น และให้สิทธิ์การเช่าที่ดินราชพัสดุ 30 ปี ขณะที่บ้านคนไทยประชารัฐ เป็นโครงการให้เช่าที่ดินของรัฐเช่นเดียวกับโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการได้กรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยและได้รับการยอมรับจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ปัจจุบันแม้ว่าจะยังไม่เริ่มก่อสร้างที่พักอาศัยก็มีประชาชนให้ความสนใจจองสิทธิ์โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ คิดเป็นร้อยละ 61 ของจำนวนยูนิตทั้งหมด จึงเห็นได้ว่าการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่เป็นการดำเนินโครงการบนที่ดินราชพัสดุ จึงต้องเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์และโครงการดังกล่าวก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการของรัฐด้วย.-สำนักข่าวไทย