ภูมิภาค 31 ส.ค. – ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลทะลักที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ สร้างความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรและย่านเศรษฐกิจ
จ.ชัยภูมิ ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าบ่าไหลทะลักลงคลอง ต.บ้านเพชร อ.ภูเขียว ไหลท่วมพื้นที่นาข้าวเสียหายแล้วกว่า 5,000 ไร่ และไร่อ้อยอีกกว่า 1,000 ไร่ นอกจากนี้น้ำยังกัดเซาะถนนเลียบลำคลองขาดระยะทางกว่า 10 เมตร รถไม่สามารถสัญจรได้ ขณะนี้ผู้ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจความเสียหาย และร้องขอความช่วยไปยังหน่วยงานระดับจังหวัดให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ น้ำป่าจากเทือกเขารังหลากเข้าท่วมเขตเทศบาลดำบลดงขุย ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจของอำเภอชนแดน ร้านค้าและบ้านเรือนในชุมชนหลายร้อยหลังถูกน้ำท่วมสูง 70 เซนติเมตร ถนนสายเพชรบูรณ์-ตะพานหิน น้ำท่วมขังยาวกว่า 1 กิโลเมตร เช่นเดียวกับถนนสายดงขุยไปบ้านทุ่งตะโหนด น้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ตลอดเส้นทางรถไม่สามารถสัญจร นับเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในรอบ 10 ปี
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมขัง อ.เมือง จ.ลพบุรี หลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ต.ท่าศาลา รถเล็กสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวได้แล้ว ส่วนหมู่ที่ 4 ต.ท่าศาลา ยังคงมีน้ำท่วมขังประมาณ 50 เซนติเมตร ประชาชนหลายร้อยคนต้องเผชิญกับสภาพน้ำที่ท่วมขังมานานแล้วถึง 4 วัน หากวันนี้ฝนไม่ตกลงมาซ้ำ ปริมาณน้ำจะลดลงมาก คาดเข้าสู่ภาวะปกติได้ในวันพรุ่งนี้
ส่วนสถานการณ์น้ำทางภาคใต้ วันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ติดตั้งธงแดงห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำในจุดที่เป็นร่องน้ำลึก บริเวณชายหาดนพรัตน์ธารา เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยว ขณะที่เรือนำเที่ยวบางรายยังคงพานักท่องเที่ยวฝ่าคลื่นลมมุ่งหน้าไปตามเกาะ แก่งต่างๆ เนื่องจากได้จองโปรแกรมทัวร์ว้ล่วงหน้า แต่จะเลือกไปตามเกาะที่อยู่ใกล้
ส่วนที่เขาหลัก จ.พังงา ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง โดยเพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวตลาดบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า ถนนเส้นหลักที่จะมุ่งหน้าไป จ.ระนอง น้ำท่วมสูงหลายจุด รถเล็กสัญจรลำบาก บางจุดมีต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกกระแสลมพักหักโค่นล้มขวางถนน เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์พื้นที่เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ขณะที่ชาวบ้านหลายครัวเรือนเริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังแล้วเช่นกัน. – สำนักข่าวไทย