กรุงเทพฯ 31 ส.ค.-วานนี้ ครม.เห็นชอบให้ ปตท.ตั้งบริษัทลูกที่อังกฤษ ทำธุรกิจค้าขาย เชื่อมโยงสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยได้อย่างไร ติดตามจากรายงาน
ครม.อนุมัติ ให้ ปตท.จัดตั้งบริษัทลูก ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่อ PTT International Trading London ทุนจดทะเบียน 21 ล้านบาท นับเป็นบริษัทเทรดดิ้ง ค้าขายปิโตรเลียมแห่งที่ 3 ของ ปตท. จากที่ปัจจุบันมีอยู่ในสิงคโปร์และในตะวันออกกลาง จะเริ่มเปิดดำเนินการภายในเดือนตุลาคมนี้ นับเป็นการช่วงชิงตลาดจากสถานการณ์โรงกลั่นยุโรปหลายแห่งปิดตัว แข่งขันไม่ได้ หลังจากสหรัฐพลิกบทบาทจากผู้นำเข้าน้ำมัน กลายเป็นผู้ส่งออก ยุโรปนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น
นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากโอกาสทางการค้า นำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้ธุรกิจเทรดดิ้งมีอิบิทดา (EBITDA) ถึง 2,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 ปตท.คาดว่าภายใน 10 ปี บริษัทเทรดดิ้งในลอนดอนจะมีกำไร 800 ล้านบาท นอกจากค้าขายน้ำมันแล้ว ปตท.ยังตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้ค้าก๊าซแอลเอ็นจี รองรับความต้องการใช้ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นทดแทนปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่ลดลง เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ประธานบอร์ด ปตท.ย้ำว่า เพื่อเสริมความมั่นคงในขณะนี้ เร่งทั้งการก่อสร้างสถานีรับแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 เร่งเจรจาสัญญาระยะยาว ล่าสุด เจรจากับปิโตรนาส เชลล์ บีพี วางเป้าหมายให้ ปตท.สผ.มีบทบาทในการเข้าไปลงทุนแหล่งแอลเอ็นจีร่วมด้วย หลังจากที่ปัจจุบันมีการร่วมทุนแหล่งขนาดใหญ่ในโมซัมบิกที่มีสำรองสูงกว่าอ่าวไทยถึง 10 เท่าตัว
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้บริษัท ปตท.สผ.ดำเนินธุรกิจโดยไม่นำคำสั่งกฎระเบียบข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับกับบริษัท แต่ให้บริษัทจัดให้มีกฎระเบียบข้อบังคับของตนเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพัสดุการงบประมาณ การเงิน การบัญชี และการบริหารงานบุคคล โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับเดียวกันกับบริษัทน้ำมันนานาชาติชั้นนำ และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ปตท.ก่อนใช้บังคับ.-สำนักข่าวไทย