ลำปาง 15 ม.ค. – ครม.ไฟเขียวยืดอายุมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ถึง มิ.ย. 62 พร้อมปรับรูปแบบกดเงินสดได้ เริ่ม ก.พ.นี้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จังหวัดลำปาง มีมติเห็นชอบขยายมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2562 เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพและการมีรายได้ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะยังคงได้รับการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จะได้รับเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 – 100,000 บาท จะได้รับเงิน 100 บาท โดยใช้งบประมาณจากเงินกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเดิม วงเงิน 4,370 ล้านบาท (ประมาณ 728 ล้านบาทต่อเดือน) เพื่อดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเดิมกรมบัญชีกลางจะโอนเงินใส่ลงในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเดือนละ 300 บาท ส่วนผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาทต่อเดือน เปลี่ยนเป็นสามารถกดเงินสดได้ผ่านตู้ ATM และสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะแบ่งเป็นสามารถกดเงินสดได้เดือนละ 200 บาท และอีก 100 บาทสำหรับซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐ ส่วนผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาท จะแบ่งเป็นสามารถกดเงินสดได้เดือนละ 100 บาท และอีก 100 บาทสำหรับซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2562 เพราะในช่วง 3 เดือนนี้ เป็นช่วงต้นปีที่ประชาชนมีการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น นอกเหนือจากสินค้าภายในร้านธงฟ้าประชารัฐ ช่วยลดภาระประชาชน
ทั้งนี้ ผลการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาตนเองของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลสิ้นปี 2561 พบว่า ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าร่วมมาตรการฯ 4.1 ล้านราย ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหลุดพ้นจากเส้นความยากจนหรือมีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อปี จำนวน 1,566,353 ราย แบ่งเป็นมีรายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,451,237 ราย (ก่อนพัฒนามี 553,626 ราย) และรายได้เกินกว่า 100,000 บาทต่อปี จำนวน 115,116 ราย (ก่อนพัฒนามี 0 ราย) และสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่านการพัฒนาแล้ว แต่ยังมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 1,012,727 ราย คงเหลือ 1,040,842 ราย (ก่อนพัฒนามี 2,053,569 ราย) หรือคิดเป็นร้อยละ 50 . – สำนักข่าวไทย