สำนักงานกกต. 3 ม.ค.-กกต.ออกกฎคุมเข้มหาเสียงเลือกตั้ง ห้ามดึงสถาบันห้ามใช้คำหยาบคาย ปลุกระดม แม้แก้ไข ลบข้อมูลแล้วถือความผิดสำเร็จ เอาผิดได้
คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเห็นชอบร่างระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. 2561 แล้ว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำนักงานฯ นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าวกำหนดเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติ ข้อห้ามปฏิบัติสำหรับผู้สมัคร พรรคการเมืองและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น โดยวิธีการหาเสียงที่ควรปฏิบัติระบุว่า สามารถแจกเอกสาร วีดิทัศน์ที่เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งในเขตชุมชน สถานที่ งานพิธีต่าง ๆ ได้ รวมทั้งจัดรถหาเสียงและเวทีหาเสียง ใช้เครื่องขยายเสียงช่วยหาเสียงได้
ผู้สมัคร พรรคการเมืองต้องแจ้งรายละเอียดให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบภายใน 10 วัน หลังปิดการรับสมัคร ซึ่งทั้งเอกสาร วีดีทัศน์ ประกาศการโฆษณา ป้ายโฆษณาที่จะติดตั้งบนรถหาเสียง เวทีหาเสียง สามารถระบุชื่อ รูปภาพและ หมายเลขผู้สมัคร ชื่อสัญลักษณ์ นโยบายของพรรค คติพจน์คำขวัญ ข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้สมัคร พรรคการเมือง และนำภาพของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคลงโฆษณาหาเสียงได้เท่านั้น
ส่วนการดำเนินการในส่วนของรถหาเสียงและเวทีหาเสียง ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หาเสียงผ่านจดหมาย สิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ ทำเอกสาร ที่มีการกากบาทในช่องคะแนนเลือกตั้งให้กับตนเองได้ แต่เอกสารต้องไม่มีลักษณะหรือสีคล้ายกับบัตรเลือกตั้ง สามารถตั้งผู้ช่วยหาเสียงได้ โดยผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีผู้ช่วยหาเสียงในเขตได้ไม่เกิน 20 คนต่อเขต ส่วนของพรรคที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ มีผู้ช่วยหาเสียงได้ ไม่เกิน 10 เท่าของจำนวนเขตที่พรรคนั้นส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต
กรณีพบมีการหาเสียงไม่เป็นไปตามที่กกต. กำหนด ผู้อำนวยการกกต.จังหวัดจะแจ้งให้ผู้สมัคร พรรคการเมืองแก้ไขภายใน 5 วัน หากไม่ดำเนินการ กกต.สามารถรื้อถอน ปลดออกหรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยคิดค่าใช้จ่ายกับผู้สมัคร พรรคการเมืองนั้น และนำมาเป็นเหตุสืบสวนวินิจฉัยได้
ส่วนเรื่องการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง สามารถหาเสียงด้วยตนเองหรือว่าจ้างบุคคลนิติบุคคลดำเนินการได้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ทั้งยูทูป เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น อีเมล์ เอสเอ็มเอส โดยผู้สมัครต้องแจ้งวิธีการรายละเอียด ช่องทาง ระยะเวลาการหาเสียง รวมถึงหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ผู้อำนวยการกกต.ประจำจังหวัดทราบ ตั้งแต่วันสมัครหรือก่อนหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้สมัครหรือสมาชิกพรรค หากต้องการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้สมัครพรรคการเมืองใด ต้องแจ้งชื่อสกุล นิติบุคคลหรือเครื่องหมายที่สามารถเจาะจงตัวบุคคลที่ดำเนินการได้ โดยค่าใช้จ่ายในการหาเสียงส่วนนี้ หากเกินกว่า 10,000 บาท ต้องแจ้งให้ผู้สมัครพรรคการเมืองทราบ และให้แจ้งต่อผู้อำนวยการกกต.จังหวัด เลขาธิการกกต.ทราบ และการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร พรรคการเมืองนั้น
กรณีกกต.พบว่ามีการใช้ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดมหรือนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง สามารถสั่งให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ลบข้อมูลนั้น หากผู้สมัครพรรคการเมืองไม่ดำเนินการในเวลาที่กำหนด เลขาธิการกกต.สามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ให้บริการดำเนินการ โดยผู้สมัครพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ลบข้อมูล ไม่สามารถลบล้างความผิดที่กระทำสำเร็จแล้ว ซึ่งกกต.สามารถนำมาสืบสวนและวินิจฉัยได้
ส่วนข้อห้ามปฎิบัติในการหาเสียง กำหนดไว้กว้างๆ คือ ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ผู้ประกอบอาชีพ เจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา หรือนักแสดง นักดนตรีพิธีกรใช้ความสามารถทางวิชาชีพเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้แก่ตน แต่ถ้าผู้สมัครมีความรู้ความสามารถทางศิลปะเป็นของตนเอง สามารถใช้หาเสียงให้กับตัวเองได้ แต่ต้องไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดง รวมทั้ง ห้ามแจกจ่ายเอกสารที่เกี่ยวกับการหาเสียงโดยใช้วิธีการวางหรือโปรยในที่สาธารณะ ไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงก้าวร้าว หยาบคายหรือปลุกระดม และไม่ช่วยเหลือเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามประเพณี.-สำนักข่าวไทย