เวียงจันทน์ 6 ก.ย.- นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 พร้อมกล่าวถ้อยแถลง เสนอให้เปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความเป็นเอกภาพและความมั่นคงของประชาคมอาเซียน เน้น 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจ พัฒนาศักยภาพขอบุคลากรในทุกวัย และการสร้างความเชื่อมโยงและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เชื่อ อาเซียนจะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาคมอาเซียนพัฒนาไปข้างหน้า
มนชนก พัฒนพงศ์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 – 29 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน นี้ รายงานว่า เวลา 14.00 น. วันนี้ (6ก.ย.) นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ (National Convention Centre – NCC) โดยนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานในพิธี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงขอบคุณรัฐบาลและประชาชนชาวลาวที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมทั้ง ชื่นชมการทำหน้าที่ประธานประธานอาเซียนของลาวในปีนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ปีนี้ถือเป็นปีที่สำคัญ เนื่องจากเป็นปีแรกที่ก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน อาเซียนควรเร่งเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อความเป็นเอกภาพและมั่นคงของประชาชนอาเซียน โดยการสร้างความสมดุล เพื่อนำวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม 3 ด้าน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ อาเซียนควรเสริมสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีพลวัต ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และประชาชนได้รับการดูแล และประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างทั่งถึง และเท่าเทียม รวมทั้ง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม เพื่อก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่สูงขึ้น ในส่วนของไทยมีนโยบาย 4.0 ที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมวิสาหกิจเกิดใหม่ (Start-Ups) การเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) 5 สาขา และยังคงให้การดูแลอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (First S-Curve) ด้วย เพื่อเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการพัฒนา และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค
“ประชาคมอาเซียนต้องให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของมนุษย์มากขึ้น ไทยจะร่วมรับรองแผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่ 3 (ค.ศ. 2016-2020) ในการประชุมสุดอาเซียนครั้งนี้ และไทยจะปฏิบัติหน้าที่ผู้ประสานงานอาเซียนเรื่องการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 อย่างแข็งขัน เพื่อช่วยให้อาเซียนดำเนินการตามวาระที่สำคัญทั้งสองไปพร้อม ๆ กัน และส่งเสริมซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างประชาคมอาเซียนที่แข็งแกร่งและมั่นคง ต้องพัฒนาศักยภาพของคนทุกวัยอย่างสมดุล ให้มีส่วนร่วมในประชาคมอย่างสร้างสรรค์ โดยการให้การศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพของรัฐที่ปรับปรุงวิธีการสอนให้ทันสมัย เพื่อให้เยาวชนอาเซียนเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุคที่ 4 ขณะเดียวกันจะต้องเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ เพื่อส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
“ไทยจึงได้เสนอแถลงการณ์อาเซียนบวกสามว่าด้วยสูงวัยอย่างมีศักยภาพ เพื่อส่งเสริมให้ภูมิภาคนี้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้นที่จะรับมือกับสังคมผู้สูงอายุและเพื่อให้ผู้สูงอายุในภูมิภาคมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการสร้างประชาคมอาเซียนต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมโยงและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอาเซียน ต้องคำนึงถึงการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพภายในภูมิภาค เพื่อให้การไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนเป็นอย่างราบรื่นและมีความเป็นเอกภาพ ซึ่งไทยกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดน และส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่องของไทยในประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะ 1+1 เพื่อเชื่อมโยงฐานการผลิตร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนจำเป็นต้องมีมาตรการรับมือกับสิ่งท้าทายและผลกระทบเชิงลบจากความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่ ปัญหายาเสพติด การเคลื่อนไหวของกลุ่ม/ขบวนการที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง โดยกระชับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลของทุกประเทศสมาชิกอาเซียน การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการป้องกัน สกัดกั้นและระงับยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย การบริหารจัดการชายแดน และการรับมือกับภัยคุกคามแบบเก่าและใหม่ โดยเสนอให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาบัตรผ่านแดนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจัดระบบการผ่านแดนของประชาคมอาเซียนที่มีประสิทธิภาพ และประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเป็นมาตรฐานเดียวกัน
“ผมเชื่อมั่นว่า แม้อาเซียนจะเผชิญกับสิ่งท้าทายในรูปแบบต่างๆ แต่อาเซียนจะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความเป็นเอกภาพและความเป็นแกนกลางของอาเซียน เพื่อให้ประชาคมอาเซียนพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีประชาชนเป็นศูนย์รวม โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมพิธีลงนามปฏิญญาอาเซียน ว่าด้วยความเป็นหนึ่งเดียวในการตอบโต้ภัยพิบัติ ทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค (One ASEAN, One Response) เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ในการตอบโต้ภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิผลทั้งในและนอกภูมิภาค และการประกาศแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 และแผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 28 หน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการ Visit ASEAN@50 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของประเทศสมาชิก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสู่ภูมิภาคอาเซียน โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในปีพ.ศ. 2560 อันเป็นวาระครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ซึ่งจะรวบรวม 50 เทศกาลและ 50 ประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวที่น่าประทับใจในประเทศสมาชิกส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในอาเซียนและเป็นการประชาสัมพันธ์การเป็นจุดหมายปลายทางเดียวกันของอาเซียนในการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ธรรมชาติและความมีมิตรไมตรีของผู้คนในภูมิภาคนี้ผ่านกิจกรรมเทศกาลรูปแบบต่างๆ ทั้งภายในประเทศสมาชิกและกิจกรรมระดับนานาชาติ.- สำนักข่าวไทย