กทม.ตรวจความเสียหายเหตุตึกถล่ม

ประชานิเวศน์ 8 ก.ย.-ผอ.เขตจตุจักร ลงพื้นที่ตรวจความเสียหายเหตุอาคารย่านประชานิเวศน์ถล่ม เผยช่วยเหลือบ้านเบื้องต้น ครัวเรือนละ 3,000 บาท พร้อมรอ วสท .ยืนยันสาเหตุที่แท้จริง


นายเชาวฤทธิ์ ทรงนวรัตน์ ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นบริเวณ ระเบียงอาคารพานิชย์ 14 คูหา ข้างตลาดประชานิเวศน์ 1 ถล่มลงมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้(7 ก.ย.) โดยทางเขตได้ตั้งเต๊นท์เป็นศูนย์อำนวยการประชาชนที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งนำหน่วยแพทย์พยาบาลมาตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่อยู่ในอาคารบริเวณใกล้เคียงมาติดตาม ถ่ายภาพ จับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายเชาวฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากสภาพคอนกรีตหมดสภาพ ประกอบกับฝนที่ตกลงมา 4 วันติดต่อกัน ทำให้ปูนบริเวณกันสาดเกิดการอุ้มน้ำก่อนพังถล่มลงมา โดยทางเขตได้ประสาน วสท.และสำนักการโยธา มาตรวจสอบโครงสร้างอาคาร และสาเหตุการถล่มที่แน่ชัดอีกครั้งในเวลา 10.00 น.


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบขณะนี้ อาคารที่ได้รับความเสียหายเป็นอาคารรวม 14 คูหา รถยนต์ของประชาชนที่จอดไว้หน้าอาคาร 7คัน และจักรยานยนต์ 2 คัน พังเสียหายจากซากอาคารในบริเวณชั้น 3 พังถล่มลงมา เคราะห์ดีไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือติดข้างภายใน ขณะนี้ทางเขตยังคงกันพื้นที่ห้ามเจ้าของบ้าน หรือชาวบ้านเข้าไปในที่เกิดเหตุเด็ดขาด

สำหรับการช่วยเหลือทางเขตได้เปิดให้ประชาชนที่เสียหายมาลงทะเบียนเพื่อรับเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน ครอบครัวละ 3,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ในชุมชนนี้ไม่ได้รับการเยียวยาจากการให้ย้ายออกเช่นชุมชนอื่น เพราะชุมชนหลังตลาดประชานิเวศน์ 1 ไม่ได้ให้ออกถาวร เป็นการออกชั่วคราวเพื่อที่ กทม.จะได้สร้างตึกใหม่ โดยจะให้สิทธิ์ผู้เช่าเดิมในการเข้าอยู่ในอาคารใหม่

ผอ.เขตจตุจักร กล่าวด้วยว่า สำหรับชุมชนหลังตลาดประชานิเวศน์ 1 จากการตรวจสอบ มี19 กลุ่มอาคาร จำนวน 177 ห้อง เริ่มก่อสร้างในปี 2525 เป็นอาคารพาณิชย์ลักษณะ 3 ชั้น สำนักงานตลาดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ก่อสร้างอาคารก่อนปล่อยให้เช่า หลังละ 3,000-6,000 บาท ก่อนที่ในปี 2551อาคารทั้งหมดจะหมดสัญญาเช่า ทางเขตและสำนักงานตลาด กทม.จึงให้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลมาตรวจสอบสภาพอาคาร จึงพบว่าอาคารทั้งหมดเสื่อมสภาพ และแจ้งให้ย้ายออกในปี 2557 โดยไม่มีการเก็บเงินค่าเช่า และตลอด 2 ปีได้ส่งหนังสือแจ้ง และเรียกประชุมทำความเข้าใจให้ประชาชนผู้อาศัยทราบถึงปัญหาแล้ว 3 ครั้ง แต่ชาวบ้านไม่ยอมย้ายออกตามที่แจ้งก่อนเกิดเหตุถล่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ