กทม.13 พ.ย.-ตำรวจสืบนครบาล 7 จับหนุ่มแกร็บไบค์ ทำงานหาเงินชักหน้าไม่ถึงหลังคิดสิ้นวิ่งราวทองคำ แต่ไม่รอดถูกจับกุม
ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 จับกุมนายภากร หรือแจม ดีระวนิช อายุ 29 ปี หนุ่มแกร็บไบค์ พร้อมรถจักรยานยนต์ได้ที่จังหวัดมหาสารคาม หลังก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ทองรูปพรรณไปจากร้านทองสยาม เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา
วันเกิดเหตุ สวมเสื้อยืดแขนยาวลายขวางสีขาวดำ กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าข้างสีน้ำตาล ใช้หน้ากากอนามัย ทำทีเข้าไปเลือกซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ระหว่างที่เจ้าของร้านนำสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 3 เส้น มูลค่ารวม 60,000 บาท มาให้ดูปรากฏว่า คนร้ายฉวยสร้อยทั้ง 3 เส้น ออกจากร้านไปขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ ไม่ติดหมายเลขทะเบียน หลบหนีโดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 นาที
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้าขับขี่รถ จยย.คันดังกล่าวฝ่าสายฝนหลบหนีออกไปเพียงลำพังโดยสวมหมวกนิรภัยสีดำ แล้วพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องสงสัยรูปพรรณสัณฐานและใช้ยานพาหนะลักษณะเดียวกับคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทอง ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ลื่นไถลเฉี่ยวชนกับรถยนต์ และรถ จยย.รวม 2 คันได้รับความเสียหาย โดยไปตกลงกันที่ สน.บางเสาธง ซึ่งนายภากร ยินยอมชดใช้เงินให้เจ้าของรถคู่กรณีทั้ง 2 คัน ตำรวจ สน.บางกองใหญ่ จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ
นายภากร สารภาพว่า หลังเรียนจบระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ จ.ชลบุรี ก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ของโรงแรมหลายแห่งกระทั่ง 1 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำจึงถูกเลิกจ้างทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไหนจะค่าใช้จ่ายรายวัน ค่าผ่อนรถกระบะรายเดือน แม้จะหันไปรับจ้างขี่แกร็บไบค์แต่ก็ไม่พอยังชีพ ถึงขนาดต้องหันไปกู้เงินนอกระบบ และต้องวางแผนวิ่งราวทรัพย์ร้านทองดังกล่าวเพื่อหาเงินไปใช้หนี้ ที่คงค้างอยู่ทั้งต้นและดอกราว 50,000 บาท หลังก่อเหตุซึ่งเป็นช่วงฝนตก รถพลิกคว่ำไถลชนรถคู่กรณีทั้งรถยนต์และ รถ จยย.โดยตนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกปอกเปิกที่ขาข้างขวาไปทั้งแถบ หลังเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ก็กลับบ้านพักเปลี่ยนเสื้อผ้า นำสร้อยทองคำ 2 เส้นไปจำนำที่โรงรับจำนำ ได้เงิน 32,000 บาท ก็โอนให้คู่กรณีฝ่าย จยย. 3,000 บาท ก่อนขับรถกระบะไปเยี่ยมภรรยาที่ จ.มหาสารคาม และนำทองคำอีก 1 เส้นไปขายได้เงินมาอีก 17,900 บาท โอนไปใช้หนี้นายทุนเงินกู้นอกระบบ ก่อนโดนตำรวจตามไปจับกุมตัว.-สำนักข่าวไทย



