เซี่ยงไฮ้ 5 พ.ย. – รองนายกรัฐมนตรีชวนจีนและนานาชาติร่วมพัฒนาอนุภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมอีอีซีลงสู่เอเชียใต้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา Hongqiao International Economic and Trade Forum นครเซี่ยงไฮ้ ว่า นับเป็นโอกาสที่ผู้แทนภาคเอกชนรายใหญ่ นักลงทุนระหว่างประเทศและผู้กําหนดนโยบายทั้งของจีนและต่างประเทศได้มารวมตัวกัน เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางการค้าและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลกกำลังเปลี่ยนไปและมีความผันผวน หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่ง เส้นทาง”
สำหรับการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ ประเทศจีน (CIIE) เป็นงานมหกรรมระดับโลกที่ได้รับความสนใจวงกว้าง นับว่าจีนครบรอบ 40 ปี ของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ ยุคนี้นับเป็นศตวรรษแห่งเอเชีย หรือ Asia Century รวมถึงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์“หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ BRI ที่กําลังมีบทบาทสําคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศและสนับสนุนการพัฒนาของประเทศกําลังพัฒนา เพื่อก้าวผ่านเมฆหมอกแห่งความกังวลใจและความไม่แน่นอนในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ไทยจึงเสนอให้จีนใช้การพัฒนาความเชื่อมโยง (Connectivity) ในการพัฒนาภูมิภาค เพราะไทยตั้ง อยู่ในจุดยุทธศาสตร์สําคัญใจกลางภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวเชื่อม (Connector) ระหว่างระเบียงเศรษฐกิจเหนือ -ใต้ และตะวันออก – ตะวันตก และเชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ เป็น 3 ภูมิภาคที่สร้างพลวัตให้กับเศรษฐกิจโลก หลังจากไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นํา ACMECS ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ประชุมร่วมรองรับแผนแม่บท ACMECS (ACMECS Master Plan) เพื่อให้อนุภูมิภาคนี้ก้าวไปสู่การเป็นอนุภูมิภาคที่ไร้รอยต่อ มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน จึงเชิญประเทศที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) เพื่อมีบทบาทสนับสนุนในการทําให้โครงการภายใต้แผนแม่บทฯ สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อต้องการให้จีนช่วยสนับสนุนให้ทั้ง 5 ประเทศ (CLMVT) บรรลุเป้าหมายของการเป็นอนุภูมิภาคที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และเดือนพฤศจิกายนนี้ไทยจะรับตําแหน่งประธานอาเซียน เพื่อผลักดันการพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป ทั้งภายใต้อาเซียน และผ่านกรอบความร่วมมือที่ไทยมีบทบาทร่วม เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจจากเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี ต่อไปยังเขตสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง (PPRD) ที่เปรียบเสมือนท้องมังกร และเขตอ่าวกวางตุ้ง -ฮ่องกง – มาเก๊า (GBA) ที่เป็นดังหัวมังกรเชื่อมเข้ากับไทย โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อไปยัง ACMECS จะทําให้จีนและอาเซียนสามารถประสานพลังกันได้และจะก่อเกิดศูนย์กลางที่ผลักดันความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการสร้างความเข้มแข็งและยกระดับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ภายใต้นโยบายThailand 4.0 และการเดินหน้าไปสู่ยุคเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ หรือยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเวลานี้สภาวะเศรษฐกิจไทยมีการพัฒนาไปในทิศทางบวก และมีแนวโน้มดีขึ้นตามลําดับสะท้อนได้จากเศรษฐกิจไทยก้าวข้ามจากสภาพถดถอยเข้าสู่สภาพที่ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี การเติบโตทางเศรษฐกิจไต่ระดับตั้งแต่ 0.9% เมื่อปี 2557 ขึ้นสู่ 4.8% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และคาดว่า การเติบโตของทั้งปี 2561 จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ดัชนีทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยทั้งสิ้น นอกจากนี้ รัฐบาลไทยกําลังดําเนินโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั่วประเทศ
นายสมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติรายใหญ่หลายราย รวมถึงของจีนต่างตัดสินใจเลือกไปลงทุนในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากเอกชนทั่วโลกอย่างกว้างขวาง คําขอรับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 2 ปี และคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านการส่งออกเติบโตกว่า 9% เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมโครงการสําคัญที่กําลังนําพาประเทศไทยไปสู่ยุค 4.0 คือ โครงการ อีอีซีเป็นโครงการสําคัญที่กําลังรุดหน้าไปอย่างน่าพอใจ โดยในอีอีซีจะมีการลงทุนสูงถึง 50,000ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยได้เดินหน้าส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี อย่างเต็มที่ทั้งด้านกฎหมายรองรับและการอํานวยความสะดวกด้านการลงทุนอย่างครบวงจร รวมถึงมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทําให้การลงทุนจากต่างประเทศในอีอีซี เปลี่ยนไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มีนักลงทุนต่างชาติยื่นคําขอรับสิทธิประโยชน์การลงทุนแล้ว 822 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยยินดีต้อนรับนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ เข้ามาร่วมกันสร้างโอกาสและประโยชน์จากอีอีซีต่อไป.-สำนักข่าวไทย