สงขลา 18 ต.ค.-เกษตรกรสงขลา วัย 85 ปี ปลูก “โต้วเหมี่ยว” หรือต้นอ่อนถั่วลันเตา แค่ 9 วัน ก็ตัดขายได้ กิโลกรัมละ 150 บาท ส่งห้างฯ และร้านขายผักทั่วพื้นที่ภาคใต้ ทำมานานกว่า 30 ปี สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน
โรงเรือนปลูกโต้วเหมี่ยว ของคุณลุงเอกสิทธิ์ วิเชียรขจร เกษตรกรวัย 85 ปี ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา เขาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกผักโต้วเหมี่ยวรายแรกของ จ.สงขลา ทำมานานกว่า 30 ปีแล้ว โต้วเหมี่ยว คือต้นอ่อนของถั่วลันเตา ต้องเพาะพันธุ์ด้วยเมล็ดถั่วลันเตา เขาสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศมาเลเซีย ต้องเก็บเมล็ดไว้ในห้องเย็นตลอดเวลา เพื่อรักษาความชื้น ก่อนจะนำไปปลูกต้องนำเมล็ดแช่น้ำไว้ 10-12 ชั่วโมง ถึงจะสามารถนำไปโรยลงแปลงได้ ซึ่งแปลงของเขาออกแบบมาให้มีลักษณะลาดเอียง เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้ เพราะหากน้ำขังจะมีโอกาสติดเชื้อราสูง ทำให้ต้นโตไม่สมบูรณ์
หลังจากโรยเมล็ดแล้วให้กลบด้วยขี้เถ้าบางๆ แล้วรดน้ำ และจะต้องรดน้ำบ่อยถึง 3 ครั้ง/วัน สิ่งสำคัญในช่วง 5 วันแรกของการปลูกต้องทำให้มีความชื้นมากที่สุด และไม่ให้รับแสงแดดมากเกินไป เขาใช้ตาข่ายกรองแสงหรือสแลนปิดไว้ ให้ได้รับแสงแดดน้อย เมื่อเข้าสู่วันที่ 6 ต้องเปิดสแลนออกให้ได้รับแสงอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะตัดต้นโต้วเหมี่ยวได้ในวันที่ 8 หรือวันที่ 9
ลุงเอกสิทธิ์ บอกว่า การปลูกต้นโต้วเหมี่ยวไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเป็นพันธุ์พืชต่างประเทศ จึงต้องควบคุมสภาพอากาศให้พอเหมาะกับความต้องการของมัน และต้องคอยเอาใจใส่อย่างมาก นอกจากต้องให้น้ำวันละ 3 ครั้งแล้ว ยังต้องติดตั้งสปริงเกอร์บนหลังคา เพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป หากร้อนเกินไปจะทำให้ต้นเตี้ยแคระ และติดพัดลมภายในโรงเรือนเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่เช่นนั้นแล้วผักโต้วเหมี่ยวจะมีโอกาสติดเชื้อราสูง
ปลูกโต้วเหมี่ยวได้ 9 วัน ก็สามารถตัดไปจำหน่ายได้ กิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งสามารถตัดเก็บได้ทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 200 กิโลกรัม ส่งจำหน่ายไปยังห้างสรรพสินค้าและร้านขายผักทั่วพื้นที่ภาคใต้ สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นรายได้ที่สูงมาก ขณะเดียวกันก็มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง เขาต้องใช้คนงานดูแลโรงเรือนกว่า 20 คน ต้องใช้น้ำปริมาณมากในการรดน้ำวันละ 3 ครั้ง และยังต้องเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 16 องศาเซียลเซียสในห้องเก็บเมล็ดพันธุ์โต้วเหมี่ยวไว้ตลอดเวลาด้วย เพื่อรักษาความชื้น ผักโต้วเหมี่ยวถือเป็นผักที่สามารถทำเงินได้สูงมากก็จริง แต่จะต้องใส่ใจดูแลอย่างมากด้วย.-สำนักข่าวไทย