กรุงเทพ ฯ 8 ต.ค. – ธนาคารกรุงไทยพัฒนาระบบจองซื้อหลักทรัพย์สู่ออนไลน์เป็นครั้งแรกด้วยระบบ Money Connect by Krungthai ประเดิมด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย
นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยพัฒนาระบบ Money Connect by Krungthai เพื่อให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นกู้ หน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยลงทุนอื่น ๆ โดยลูกค้าของธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องไปที่สาขาอีกต่อไป โดยธนาคารจะนำระบบ Money Connect by Krungthai มาให้บริการครั้งแรกสำหรับการจองซื้อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund :TFFIF) ระหว่างวันที่ 12 – 19 ตุลาคม 2561 โดยธนาคารตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะมีกลุ่มลูกค้ารายย่อย และนักลงทุน High Net-Worth ของธนาคารหันมาใช้บริการจองซื้อหลักทรัพย์ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 จากการจองหลักทรัพย์โดยผ่านสาขาของธนาคารแบบดั้งเดิม
ผู้ลงทุนที่ประสงค์ใช้ระบบ Money Connect by Krungthai สามารถเข้าสู่ระบบได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ https://www.moneyconnect.ktbnetbank.com หรือ http://www.ktb.co.th หรือ สแกน QR Code Money Connect by Krungthai โดยสามารถลงทะเบียน กรอกข้อมูลส่วนตัว และทำแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุน หลังจากนั้น สามารถจองซื้อหลักทรัพย์ได้ด้วยตนเอง และชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย โดยไม่ต้องนำส่งใบจองซื้อหรือเอกสารแนบให้กับธนาคาร รวมทั้งผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบสถานะการจองแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ออกแบบระบบให้มีความมั่นคงปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการ Internet Banking โดยใช้ระบบรักษาความปลอดภัย SSL (Secure Sockets Layer) ระดับ 128 bits (128-bit Encryption) ทำให้ผู้ที่ดักจับข้อมูลระหว่างทาง ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งธนาคารมีการทำ Data Encryption กับข้อมูลที่มีความสำคัญมาก เช่น รหัสผ่านส่วนตัว (Password) โดยผ่านกระบวนการเข้ารหัส ใช้ Algorithm ที่ซับซ้อนก่อนเก็บข้อมูลในระบบ เป็นการเข้ารหัสข้อมูลทางเดียว เพื่อใช้เทียบเคียงข้อมูลที่ได้จากลูกค้าเท่านั้น เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้โดยไม่สุจริต
ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 มีการออกตราสารหนี้ระยะยาวถึง 820,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2561 จะมีการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนประมาณ 850,000 ล้านบาท จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปีหน้าการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนยังมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น .-สำนักข่าวไทย