ศาลปกครอง 1 ต.ค.- ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน กรณีผู้ประกอบการรถตู้ฟ้องกรมการขนส่งทางบก ที่ให้รถตู้ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไปจะต้องหยุดให้บริการ ชี้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่ศาลจะยังพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อไป
สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำตัวแทนผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กว่า 100 คน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีหมายเลขดำที่ 793/2561 ที่สมาชิกสมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัดและผู้โดยสาร จำนวน 731 คน เดินทางมา
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่ตนและผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะเดินทางมาศาลวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มายื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉินในคดีนี้ เนื่องจากคำสั่งของกรมการขนส่งทางบกได้ระบุไว้ว่ารถตู้ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไปจะต้องหยุดให้บริการ จะทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการต่างได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก จึงขอยืดเวลาใช้งานจาก 10 ปี เป็น 15 ปี เพื่อหาเงินมาจัดหารถคันใหม่เพื่อมาให้บริการต่อไป การที่กรมขนส่งทางบกใช้อำนาจทางปกครองบีบบังคับให้รถตู้หยุดใช้บริการแล้วจัดหารถคันใหม่นั้นไม่เป็นธรรม และมีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบกับรถที่กรมการขนส่งทางบกให้การควบคุมดูแล เช่น รถ ขสมก. บขส. ที่มีสภาพเก่ากว่ารถตู้ไม่รู้กี่เท่า อายุการใช้งานบางคันไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่กลับไม่ได้มีการยุติการให้บริการแต่อย่างใด หรือรถตู้ชนิดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรถพยาบาล รถรับส่งนักเรียน ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไปก็ยังสามารถวิ่งให้บริการได้ ดังนั้นรถสาธารณะทุกรูปแบบที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะต้องทุกยุติให้บริการเหมือนกันหมด ทั้งนี้การเลือกปฏิบัติเป็นเรื่องที่ตนต้องแถลงให้ศาลปกครองรับทราบว่าการใช้อำนาจไม่เป็นไปด้วยความชอบธรรม ถ้าศาลไม่ไต่สวนในวันนี้ ก็จะไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อไป
ศาลปกครองกลาง มีหนังสือแจ้งว่า ได้พิจารณาคำขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการหรือวิธีการอย่างใดชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดี ที่นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 731 คน เห็นว่า กรณีดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่า มีเหตุฉุกเฉินตามคำร้อง ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน แต่ศาลจะยังพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อไป.-สำนักข่าวไทย