สำนักข่าวไทย 30 ก.ย. – อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว ชี้กรณีทำร้ายนักท่องเที่ยวจีน หากมีจิตสำนึกของงานบริการเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้น ชมการทอท.แก้ไขปัญหาเร็ว ไม่หวั่นนักท่องเที่ยวจีน เชื่อแยกได้ปัญหาส่วนตัว แต่ห่วงการแข่งขันชิงนักท่องเที่ยวจีนในภูมิภาคนี้ อาจเป็นช่องโหว่ให้โจมตีการท่องเที่ยวไทย
นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ รปภ. สนามบินดอนเมือง ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่สนามบินดอนเมืองว่า เรื่องนี้ หากมองก็จะพบว่าเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องส่วนรวม เชื่อว่าทุกคนสามารถแยกได้ แต่ในแง่มุมของงานบริการผู้ให้บริการ ควรตระหนักเสมอว่า ไม่ว่า ผู้รับบริการจะถูกหรือผิด ก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ และ ไม่ว่า จะทำงานในหน้าที่อะไร สายงานไหน จะมีโลกออนไลน์ โซเชียลหรือไม่ ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ และมีจิตสำนึกของการบริการ อยู่เสมอ การไปตบตี ทำร้าย ยิ่งจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่แย่ ในการท่องเที่ยว เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่า ปัญหาในไทยเรื่องการท่องเที่ยวมีเยอะอยู่ที่ผ่านมา หรือแม้แต่เรื่องการเผยแพร่การป่วยไข้เลือดออก เรื่องแบบนี้ก็มีผลกับการเดินทาง งานบริการสำคัญ คือ เรื่องของความปลอดภัย ถ้าตัวเราผู้ให้บริการ ยังไม่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวอุ่นใจ ว่า มาไทยแล้วปลอดภัยก็น่าห่วง แต่ถือว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขดูแลอย่างรวดเร็วก็นับว่าดีมาก
นายสุรวัช กล่าวว่า จากการดูคลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวรายนี้ที่สื่อสาร หากผู้ให้บริการนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้ จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดี และนักท่องเที่ยวก็อาจดูแย่ไปเลย แต่เมื่อมีความรุนแรงมาเกี่ยวข้องก็จะกลายเป็นตรงกันข้าม ในงานบริการมีหลากหลายวิธีในการแก้ไขปัญหา ทั้ง การนิ่งเฉย เดินหนี ดีกว่า ใช้กำลัง เมื่อใช้กำลังไปแล้วเราจะผิดเต็มประตู สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทย ในปี คาดอยู่ 10.5 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีน 1 คน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 40,000-50,000 คน ในการท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้กระทบไม่มาก แต่ก็ยอมรับในแทบภูมิภาคนี้ หลายประเทศต้องการสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนไปยังประเทศของตน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่นิยมเที่ยวไทย มากเป็นอันดับ 1 ก็อาจฉวยโอกาสนี้นำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ส่วนนี้ใกล้ช่วงไฮซีซั่น ก็หวังว่า สัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ลดลงกว่าเดิม แต่ต้องเข้าใจว่า รูปแบบการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังเปลี่ยนไป จากเดิมมาเป็นกลุ่มทัวร์ แต่ปัจจุบัน นิยมท่องเที่ยวกันเองมากกว่า ซึ่งงานบริการยิ่งต้องปรับตัวสื่อสารกับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ทำความเข้าใจให้มากขึ้นกว่าเดิม .-สำนักข่าวไทย