ออมสินชี้แจงการกู้เงินของครูโครงการ ช.พ.ค.-ชพส.

กรุงเทพฯ  28 ก.ย. – ออมสินชี้แจงการกู้เงินครูโครงการ
ช.พ.ค.-ชพส.และเหตุผลการทำประกัน 


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า
ตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษธนาคารออมสินเกี่ยวกับการทำประกันสินเชื่อโครงการสวัสดิการเงินกู้
ช.พ.ค.นั้น ธนาคารเคยชี้แจงหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลว่าปี
2542
รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.
จัดหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
เพื่อให้ข้าราชการครูไปชำระหนี้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ
โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาล
500 ล้านบาท
ซึ่งไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา กระทรวงศึกษาธิการจึงมีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง
ซึ่งกระทรวงการคลังมอบหมายให้ธนาคารออมสินพิจารณา

ทั้งนี้ จากการพิจารณาหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ
กลุ่มข้าราชการครูที่เป็นหนี้สิน และธนาคารออมสิน
ได้กำหนดเจตนารมณ์ร่วมกันให้มีการรวมหนี้นอกระบบทั้งหมดของผู้กู้มาไว้ที่ธนาคาร
โดยผู้กู้จะรวมกลุ่มย่อย
5-10 คน เพื่อค้ำประกันซึ่งกันและกัน
กรณีมีผู้กู้คนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ผู้ค้ำประกันในกลุ่มต้องรับภาระหนี้แทน
จึงมีการเรียกร้องให้มีการทำประกัน เพื่อประกันสินเชื่อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
โดยมีวัตถุประสงค์เมื่อผู้กู้เสียชีวิตจะไม่ทิ้งภาระไว้ให้แก่ผู้ค้ำประกันและทายาท
ซึ่งเก็บค่าเบี้ยประกันครั้งเดียวตลอดอายุสัญญา เช่น สัญญา
20 ปี ผู้กู้ต้องทำประกันและจ่ายเบี้ยประกัน 20 ปี
และค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับเพศ อายุผู้กู้ ทุนประกัน และระยะเวลาเอาประกัน หากวงเงินกู้เกิน
2 ล้านบาทต้องตรวจสุขภาพ และอาจต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม
ซึ่งวงเงินความคุ้มครองจะลดลงตามภาระเงินกู้
ทำให้มีความเสี่ยงจากทุนประกันที่ลดลงอาจไม่เพียงพอกับมูลหนี้คงเหลือ


ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.มีโครงการช่วยเหลือสมาชิก ช.พ.ค.
โดยการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยที่เหมาะสม
เพื่อสมาชิกจะได้นำเงินกู้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น
จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคาร ตั้งแต่ปี
2548 โดยโครงการแรกให้กู้ได้ไม่เกิน
200,000 บาท ต่อมาปี 2552
สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้สำรวจความต้องการของสมาชิกและขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม
วงเงินกู้ไม่เกิน
200,000 บาท เป็น 600,000 บาท และใช้ชื่อ โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.
โครงการ
5” เมื่อวงเงินกู้เพิ่มขึ้น สำนักงานคณะกรรมการ
สกสค.จึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้กู้ทำประกันสินเชื่อตามความสมัครใจ หากไม่ทำประกันฯ
เมื่อผู้กู้เสียชีวิตเงิน ช.พ.ค.ที่ทายาทจะได้รับขณะนั้นประมาณ
700,000 บาท หักค่าทำศพ 200,000
บาทแล้วจะถูกนำมาชดใช้หนี้เงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ซึ่งอาจไม่เพียงพอชำระหนี้
และตกเป็นภาระของทายาทและผู้ค้ำประกันต่อไป หรืออาจไม่มีเงินเหลือให้ทายาท
ทำให้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการให้ทายาทได้รับเงิน ช.พ.ค.เมื่อสมาชิกเสียชีวิตแล้ว
สำนักงาน สกสค. จึงขอให้ธนาคารออมสินประสานบริษัทประกันเพื่อจัดทำประกันสินเชื่อ
ซึ่งบริษัทประกันเสนอ
การทำประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพสินเชื่อปลอดภัย
โดยมีเงื่อนไขแตกต่างจากแบบเดิมที่กำหนดความคุ้มครองแบบทุนประกันลดลงตามภาระเงินกู้เป็นแบบคุ้มครองเต็มวงเงินกู้
(แบบทุนประกันคงที่) เพื่อลดความเสี่ยงทุนประกันไม่พอกับมูลหนี้คงเหลือ
รับประกันทุกรายที่แจ้งความประสงค์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพทุกวงเงิน (วงเงินสูงสุด
3 ล้านบาท) คุ้มครองเต็มวงเงิน อายุไม่เกิน 65 ปี
คุ้มครองคราวละไม่เกิน
9 ปี
เมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดต่ออายุได้ไม่เกินคราวละ
9 ปี
และคุ้มครองไม่เกินอายุ
74 ปี โดยคิดค่าเบี้ยประกันจากจำนวนเงินกู้คงเหลือในอัตรา
620.-บาท/ปี/ทุนประกัน 100,000 บาท
ซึ่งค่าเบี้ยประกันดังกล่าวได้คำนวณอัตราส่วนลดสำหรับการจ่ายค่าเบี้ยประกันล่วงหน้า
9 ปีไว้แล้ว โดยให้ความคุ้มครองภัยจากอุบัติเหตุและสุขภาพ
การเจ็บป่วยด้วยภาวะโรคร้ายแรง คือ ภาวะโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะโคม่า ภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว เงื่อนไขความคุ้มครองและอัตราค่าเบี้ยประกัน
ได้มีการพิจารณาข้อมูลในการทำประกันลักษณะเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาด
และได้รับการพิจารณาและอนุมัติอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.)

การชำระค่าเบี้ยประกัน ธนาคารจะติดต่อกับบริษัทประกันผ่านระบบ Online เพื่อยื่นคำขอทำประกัน
สำหรับค่าเบี้ยประกันเมื่อผู้กู้จ่ายค่าเบี้ยประกันให้บริษัทประกันเรียบร้อยแล้ว
ผู้กู้จะได้รับใบรับชำระเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการชำระค่าเบี้ยประกัน
หลังจากนั้นบริษัทประกันจะส่งใบรับรองประกันภัย/ใบเสร็จรับเงิน
ซึ่งสรุปสาระสำคัญของความคุ้มครองและเอกสารเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ความคุ้มครอง
และการเรียกร้องค่าสินไหมให้ผู้กู้ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งมีใบรับรองประกันฯ
บางส่วนส่งกลับคืนมาที่บริษัท
การที่ผู้กู้บางรายไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวอาจเนื่องจากย้ายที่อยู่
หรือไม่มีผู้รับ เป็นต้น สำหรับกรมธรรม์ฉบับเต็มบริษัทส่งมอบให้ธนาคาร
และสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เนื่องจากเป็นการประกันแบบกลุ่ม
หากผู้กู้ต้องการกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเต็มสามารถติดต่อขอรับได้ที่บริษัท หรือสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท

ต่อมาปี 2553 สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.สำรวจความต้องการของสมาชิกและขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม
600,000 บาท เป็น 1,200,000 บาท
(โครงการ ช.พ.ค.
6) และเป็นไม่เกิน 3
ล้านบาท ในปี
2554 (โครงการ ช.พ.ค. 7) โดยนำเงิน
ช.พ.ค.และบุคคลค้ำประกัน หรือถ้าบุคคลค้ำประกันไม่พอ
ก็สามารถนำประกันสินเชื่อหรือหาหลักทรัพย์อื่นมาค้ำประกันเพิ่มได้ ดังนี้


วงเงินกู้                                                                             ผู้กู้ทำประกัน
                            ผู้กู้ไม่ทำประกัน

กู้ไม่เกิน 600,000 บาท                                                            1 คน                                        2 คน

กู้เกินกว่า 600,000 บาท   แต่ไม่เกิน
1.2 ล้านบาท    
                2 คน                                        4 คน

กู้เกินกว่า 1.2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 1.8
ล้านบาท
              
        3 คน                                        6 คน

กู้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.4
ล้านบาท
              
        3 คน                                        8 คน

กู้เกินกว่า 2.4 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3.0
ล้านบาท
              
        3 คน                                        10 คน

ทั้งนี้ ผู้กู้สามารถกู้ได้เพียงโครงการเดียว
หากต้องการกู้เพิ่มต้องปิดโครงการเดิมก่อน กรณีที่ผู้กู้ทำประกัน
เมื่อผู้กู้ปิดบัญชีในโครงการเดิมและกู้ในโครงการใหม่
ผู้กู้ไม่ต้องเวนคืนกรมธรรม์เดิม แต่ให้ทำประกันเพิ่มเฉพาะวงเงินที่ขอกู้โครงการใหม่
หักด้วยจำนวนทุนประกันที่ทำไว้เดิม เช่น เดิมกู้โครงการ ช.พ.ค
5 วงเงินกู้ 600,000 บาท และผู้กู้ทำประกันทุนประกัน 600,000 บาท
(ค่าเบี้ยประกันประมาณ
30,000 กว่าบาท)
ต่อมาปิดบัญชีและขอกู้โครงการ ช.พ.ค.
6 วงเงินกู้ 1,200,000 บาท หากผู้กู้ประสงค์จะทำประกันภัย ทุนประกัน 1,200,000 บาท (ค่าเบี้ยประกันประมาณ 60,000 กว่าบาท)
จะต้องทำทุนประกันเพิ่มเพียง
600,000 บาท
และจ่ายค่าเบี้ยประกันเพียงประมาณ
30,000 กว่าบาท
สำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ จะต่ออายุเมื่อแต่ละกรมธรรม์ครบ
9
ปี ซึ่งจะครบกำหนดไม่พร้อมกัน ทั้งนี้ กรณีผู้กู้ปิดบัญชี
และอายุกรมธรรม์ยังไม่ครบ
9 ปี
ธนาคารจะจัดทำหนังสือแจ้งเวนคืนกรมธรรม์นำส่งให้บริษัทประกัน
และบริษัทประกันจะคืนเงินให้ตามอัตราที่บริษัทกำหนด

อนึ่งการทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อตามความสมัครใจ
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้กู้ที่จำเป็นต้องกู้วงเงินสูง
แต่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันได้ตามเงื่อนไข โดยธนาคารไม่ได้บังคับ
ปรากฏว่ามีผู้กู้เลือกทำประกันเพื่อประกันสินเชื่อคิดเป็นสัดส่วนถึง
85%
ของจำนวนผู้กู้ทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมามีผู้กู้ในโครงการเสียชีวิตและได้รับค่าสินไหมจากบริษัทประกันทุกราย
รวมทั้งสิ้น
24,740 ราย รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 12,642.98 ล้านบาท หักชำระหนี้ธนาคาร เป็นเงิน 2,558.62
ล้านบาท คืนเงิน ช.พ.ค.ที่นำมาชำระหนี้
9,311.47 ล้านบาท
และคืนทายาท
772.89 ล้านบาท (ทายาทได้รับเงินจากเงิน
ช.พ.ค.และค่าสินไหมคืนทายาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน
10,084.36
ล้านบาท)

สำหรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้แต่ละโครงการ ธนาคารกำหนดไว้ในหลักเกณฑ์เงื่อนไขการให้สินเชื่อ
และสัญญากู้เงิน ดังนี้ ช.พ.ค.
2-3 ระยะเวลาการกู้ 5 ปี
เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด หากธนาคารยังไม่ได้รับชำระเงินกู้จะทำการทบทวนหนี้ใหม่ทุก 1
ปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและไม่มีการบอกเลิกสัญญา
หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญามีผลบังคับใช้ต่อให้ถือว่าสัญญา
มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปีโดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้ ช.พ.ค.
4-6 ระยะเวลาการกู้ 10 ปี เมื่อสัญญากู้เงินครบกำหนด
หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ ไม่ครบจะทำการทบทวนใหม่ทุก
1
ปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและไม่มีการบอกเลิกสัญญากู้เงิน
หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อ
ให้ถือว่าสัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี
โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้เงิน ช.พ.ค.
7 (เกื้อกูลฯ)
ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน
30 ปี เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด
หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ไม่ครบ จะทำการทบทวนใหม่ทุกปี
หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดี และไม่มีการบอกเลิกสัญญา
หรือหากธนาคารพิจารณาให้ สัญญามีผลบังคับใช้ต่อ
ให้ถือว่าสัญญามีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้

ทั้งนี้ คำนวณเงินงวดผ่อนชำระ 360 งวด (30 ปี)
เช่นเดียวกับสินเชื่อเคหะที่มีเงินงวดผ่อนชำระต่ำ ทำให้สามารถกู้เงินในจำนวนที่สูงขึ้นได้
แล้วแต่ความจำเป็นของครู
แต่ผู้กู้สามารถผ่อนชำระเงินกู้มากกว่าเงินงวดตามเงื่อนไขหรือนำเงินมาสมทบชำระหนี้
เพื่อให้ชำระหนี้หมดเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
โดยกำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันสุดท้ายของเดือน หากชำระหนี้ล่าช้าเกินกว่า
62 วัน
ธนาคารจึงจะคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไม่ชำระหนี้ในอัตราร้อยละเท่ากับอัตราดอกเบี้ยปกติบวกเพิ่มร้อยละ
2 ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานนำส่งชำระหนี้ล่าช้า แต่ไม่เกิน 62
วัน ธนาคารไม่คิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
และเมื่อธนาคารได้รับชำระหนี้แล้วจะออกใบเสร็จรับชำระหนี้แบบกลุ่มหน่วยงานส่งให้สำนักงาน
สกสค. หรือ หน่วยจ่ายเงินเดือน และจัดทำ
statement ส่งให้ผู้กู้เป็นรายปีทุกปี
กรณีที่มีผู้กู้ต้องการ
statement ก่อนที่ธนาคารจัดส่งให้
ผู้กู้สามารถแจ้งความประสงค์ที่สาขา เพื่อนำส่งให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้
.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]