ออมสินชี้แจงการกู้เงินของครูโครงการ ช.พ.ค.-ชพส.

กรุงเทพฯ  28 ก.ย. – ออมสินชี้แจงการกู้เงินครูโครงการ
ช.พ.ค.-ชพส.และเหตุผลการทำประกัน 


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า
ตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษธนาคารออมสินเกี่ยวกับการทำประกันสินเชื่อโครงการสวัสดิการเงินกู้
ช.พ.ค.นั้น ธนาคารเคยชี้แจงหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลว่าปี
2542
รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.
จัดหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู
เพื่อให้ข้าราชการครูไปชำระหนี้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ
โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาล
500 ล้านบาท
ซึ่งไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา กระทรวงศึกษาธิการจึงมีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง
ซึ่งกระทรวงการคลังมอบหมายให้ธนาคารออมสินพิจารณา

ทั้งนี้ จากการพิจารณาหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ
กลุ่มข้าราชการครูที่เป็นหนี้สิน และธนาคารออมสิน
ได้กำหนดเจตนารมณ์ร่วมกันให้มีการรวมหนี้นอกระบบทั้งหมดของผู้กู้มาไว้ที่ธนาคาร
โดยผู้กู้จะรวมกลุ่มย่อย
5-10 คน เพื่อค้ำประกันซึ่งกันและกัน
กรณีมีผู้กู้คนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ผู้ค้ำประกันในกลุ่มต้องรับภาระหนี้แทน
จึงมีการเรียกร้องให้มีการทำประกัน เพื่อประกันสินเชื่อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
โดยมีวัตถุประสงค์เมื่อผู้กู้เสียชีวิตจะไม่ทิ้งภาระไว้ให้แก่ผู้ค้ำประกันและทายาท
ซึ่งเก็บค่าเบี้ยประกันครั้งเดียวตลอดอายุสัญญา เช่น สัญญา
20 ปี ผู้กู้ต้องทำประกันและจ่ายเบี้ยประกัน 20 ปี
และค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับเพศ อายุผู้กู้ ทุนประกัน และระยะเวลาเอาประกัน หากวงเงินกู้เกิน
2 ล้านบาทต้องตรวจสุขภาพ และอาจต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม
ซึ่งวงเงินความคุ้มครองจะลดลงตามภาระเงินกู้
ทำให้มีความเสี่ยงจากทุนประกันที่ลดลงอาจไม่เพียงพอกับมูลหนี้คงเหลือ


ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.มีโครงการช่วยเหลือสมาชิก ช.พ.ค.
โดยการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยที่เหมาะสม
เพื่อสมาชิกจะได้นำเงินกู้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น
จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคาร ตั้งแต่ปี
2548 โดยโครงการแรกให้กู้ได้ไม่เกิน
200,000 บาท ต่อมาปี 2552
สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้สำรวจความต้องการของสมาชิกและขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม
วงเงินกู้ไม่เกิน
200,000 บาท เป็น 600,000 บาท และใช้ชื่อ โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.
โครงการ
5” เมื่อวงเงินกู้เพิ่มขึ้น สำนักงานคณะกรรมการ
สกสค.จึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้กู้ทำประกันสินเชื่อตามความสมัครใจ หากไม่ทำประกันฯ
เมื่อผู้กู้เสียชีวิตเงิน ช.พ.ค.ที่ทายาทจะได้รับขณะนั้นประมาณ
700,000 บาท หักค่าทำศพ 200,000
บาทแล้วจะถูกนำมาชดใช้หนี้เงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ซึ่งอาจไม่เพียงพอชำระหนี้
และตกเป็นภาระของทายาทและผู้ค้ำประกันต่อไป หรืออาจไม่มีเงินเหลือให้ทายาท
ทำให้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการให้ทายาทได้รับเงิน ช.พ.ค.เมื่อสมาชิกเสียชีวิตแล้ว
สำนักงาน สกสค. จึงขอให้ธนาคารออมสินประสานบริษัทประกันเพื่อจัดทำประกันสินเชื่อ
ซึ่งบริษัทประกันเสนอ
การทำประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพสินเชื่อปลอดภัย
โดยมีเงื่อนไขแตกต่างจากแบบเดิมที่กำหนดความคุ้มครองแบบทุนประกันลดลงตามภาระเงินกู้เป็นแบบคุ้มครองเต็มวงเงินกู้
(แบบทุนประกันคงที่) เพื่อลดความเสี่ยงทุนประกันไม่พอกับมูลหนี้คงเหลือ
รับประกันทุกรายที่แจ้งความประสงค์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพทุกวงเงิน (วงเงินสูงสุด
3 ล้านบาท) คุ้มครองเต็มวงเงิน อายุไม่เกิน 65 ปี
คุ้มครองคราวละไม่เกิน
9 ปี
เมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดต่ออายุได้ไม่เกินคราวละ
9 ปี
และคุ้มครองไม่เกินอายุ
74 ปี โดยคิดค่าเบี้ยประกันจากจำนวนเงินกู้คงเหลือในอัตรา
620.-บาท/ปี/ทุนประกัน 100,000 บาท
ซึ่งค่าเบี้ยประกันดังกล่าวได้คำนวณอัตราส่วนลดสำหรับการจ่ายค่าเบี้ยประกันล่วงหน้า
9 ปีไว้แล้ว โดยให้ความคุ้มครองภัยจากอุบัติเหตุและสุขภาพ
การเจ็บป่วยด้วยภาวะโรคร้ายแรง คือ ภาวะโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะโคม่า ภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว เงื่อนไขความคุ้มครองและอัตราค่าเบี้ยประกัน
ได้มีการพิจารณาข้อมูลในการทำประกันลักษณะเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาด
และได้รับการพิจารณาและอนุมัติอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.)

การชำระค่าเบี้ยประกัน ธนาคารจะติดต่อกับบริษัทประกันผ่านระบบ Online เพื่อยื่นคำขอทำประกัน
สำหรับค่าเบี้ยประกันเมื่อผู้กู้จ่ายค่าเบี้ยประกันให้บริษัทประกันเรียบร้อยแล้ว
ผู้กู้จะได้รับใบรับชำระเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการชำระค่าเบี้ยประกัน
หลังจากนั้นบริษัทประกันจะส่งใบรับรองประกันภัย/ใบเสร็จรับเงิน
ซึ่งสรุปสาระสำคัญของความคุ้มครองและเอกสารเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ความคุ้มครอง
และการเรียกร้องค่าสินไหมให้ผู้กู้ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งมีใบรับรองประกันฯ
บางส่วนส่งกลับคืนมาที่บริษัท
การที่ผู้กู้บางรายไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวอาจเนื่องจากย้ายที่อยู่
หรือไม่มีผู้รับ เป็นต้น สำหรับกรมธรรม์ฉบับเต็มบริษัทส่งมอบให้ธนาคาร
และสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เนื่องจากเป็นการประกันแบบกลุ่ม
หากผู้กู้ต้องการกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเต็มสามารถติดต่อขอรับได้ที่บริษัท หรือสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท

ต่อมาปี 2553 สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.สำรวจความต้องการของสมาชิกและขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม
600,000 บาท เป็น 1,200,000 บาท
(โครงการ ช.พ.ค.
6) และเป็นไม่เกิน 3
ล้านบาท ในปี
2554 (โครงการ ช.พ.ค. 7) โดยนำเงิน
ช.พ.ค.และบุคคลค้ำประกัน หรือถ้าบุคคลค้ำประกันไม่พอ
ก็สามารถนำประกันสินเชื่อหรือหาหลักทรัพย์อื่นมาค้ำประกันเพิ่มได้ ดังนี้


วงเงินกู้                                                                             ผู้กู้ทำประกัน
                            ผู้กู้ไม่ทำประกัน

กู้ไม่เกิน 600,000 บาท                                                            1 คน                                        2 คน

กู้เกินกว่า 600,000 บาท   แต่ไม่เกิน
1.2 ล้านบาท    
                2 คน                                        4 คน

กู้เกินกว่า 1.2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 1.8
ล้านบาท
              
        3 คน                                        6 คน

กู้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.4
ล้านบาท
              
        3 คน                                        8 คน

กู้เกินกว่า 2.4 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3.0
ล้านบาท
              
        3 คน                                        10 คน

ทั้งนี้ ผู้กู้สามารถกู้ได้เพียงโครงการเดียว
หากต้องการกู้เพิ่มต้องปิดโครงการเดิมก่อน กรณีที่ผู้กู้ทำประกัน
เมื่อผู้กู้ปิดบัญชีในโครงการเดิมและกู้ในโครงการใหม่
ผู้กู้ไม่ต้องเวนคืนกรมธรรม์เดิม แต่ให้ทำประกันเพิ่มเฉพาะวงเงินที่ขอกู้โครงการใหม่
หักด้วยจำนวนทุนประกันที่ทำไว้เดิม เช่น เดิมกู้โครงการ ช.พ.ค
5 วงเงินกู้ 600,000 บาท และผู้กู้ทำประกันทุนประกัน 600,000 บาท
(ค่าเบี้ยประกันประมาณ
30,000 กว่าบาท)
ต่อมาปิดบัญชีและขอกู้โครงการ ช.พ.ค.
6 วงเงินกู้ 1,200,000 บาท หากผู้กู้ประสงค์จะทำประกันภัย ทุนประกัน 1,200,000 บาท (ค่าเบี้ยประกันประมาณ 60,000 กว่าบาท)
จะต้องทำทุนประกันเพิ่มเพียง
600,000 บาท
และจ่ายค่าเบี้ยประกันเพียงประมาณ
30,000 กว่าบาท
สำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ จะต่ออายุเมื่อแต่ละกรมธรรม์ครบ
9
ปี ซึ่งจะครบกำหนดไม่พร้อมกัน ทั้งนี้ กรณีผู้กู้ปิดบัญชี
และอายุกรมธรรม์ยังไม่ครบ
9 ปี
ธนาคารจะจัดทำหนังสือแจ้งเวนคืนกรมธรรม์นำส่งให้บริษัทประกัน
และบริษัทประกันจะคืนเงินให้ตามอัตราที่บริษัทกำหนด

อนึ่งการทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อตามความสมัครใจ
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้กู้ที่จำเป็นต้องกู้วงเงินสูง
แต่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันได้ตามเงื่อนไข โดยธนาคารไม่ได้บังคับ
ปรากฏว่ามีผู้กู้เลือกทำประกันเพื่อประกันสินเชื่อคิดเป็นสัดส่วนถึง
85%
ของจำนวนผู้กู้ทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมามีผู้กู้ในโครงการเสียชีวิตและได้รับค่าสินไหมจากบริษัทประกันทุกราย
รวมทั้งสิ้น
24,740 ราย รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 12,642.98 ล้านบาท หักชำระหนี้ธนาคาร เป็นเงิน 2,558.62
ล้านบาท คืนเงิน ช.พ.ค.ที่นำมาชำระหนี้
9,311.47 ล้านบาท
และคืนทายาท
772.89 ล้านบาท (ทายาทได้รับเงินจากเงิน
ช.พ.ค.และค่าสินไหมคืนทายาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน
10,084.36
ล้านบาท)

สำหรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้แต่ละโครงการ ธนาคารกำหนดไว้ในหลักเกณฑ์เงื่อนไขการให้สินเชื่อ
และสัญญากู้เงิน ดังนี้ ช.พ.ค.
2-3 ระยะเวลาการกู้ 5 ปี
เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด หากธนาคารยังไม่ได้รับชำระเงินกู้จะทำการทบทวนหนี้ใหม่ทุก 1
ปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและไม่มีการบอกเลิกสัญญา
หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญามีผลบังคับใช้ต่อให้ถือว่าสัญญา
มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปีโดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้ ช.พ.ค.
4-6 ระยะเวลาการกู้ 10 ปี เมื่อสัญญากู้เงินครบกำหนด
หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ ไม่ครบจะทำการทบทวนใหม่ทุก
1
ปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและไม่มีการบอกเลิกสัญญากู้เงิน
หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อ
ให้ถือว่าสัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี
โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้เงิน ช.พ.ค.
7 (เกื้อกูลฯ)
ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน
30 ปี เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด
หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ไม่ครบ จะทำการทบทวนใหม่ทุกปี
หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดี และไม่มีการบอกเลิกสัญญา
หรือหากธนาคารพิจารณาให้ สัญญามีผลบังคับใช้ต่อ
ให้ถือว่าสัญญามีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้

ทั้งนี้ คำนวณเงินงวดผ่อนชำระ 360 งวด (30 ปี)
เช่นเดียวกับสินเชื่อเคหะที่มีเงินงวดผ่อนชำระต่ำ ทำให้สามารถกู้เงินในจำนวนที่สูงขึ้นได้
แล้วแต่ความจำเป็นของครู
แต่ผู้กู้สามารถผ่อนชำระเงินกู้มากกว่าเงินงวดตามเงื่อนไขหรือนำเงินมาสมทบชำระหนี้
เพื่อให้ชำระหนี้หมดเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
โดยกำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันสุดท้ายของเดือน หากชำระหนี้ล่าช้าเกินกว่า
62 วัน
ธนาคารจึงจะคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไม่ชำระหนี้ในอัตราร้อยละเท่ากับอัตราดอกเบี้ยปกติบวกเพิ่มร้อยละ
2 ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานนำส่งชำระหนี้ล่าช้า แต่ไม่เกิน 62
วัน ธนาคารไม่คิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
และเมื่อธนาคารได้รับชำระหนี้แล้วจะออกใบเสร็จรับชำระหนี้แบบกลุ่มหน่วยงานส่งให้สำนักงาน
สกสค. หรือ หน่วยจ่ายเงินเดือน และจัดทำ
statement ส่งให้ผู้กู้เป็นรายปีทุกปี
กรณีที่มีผู้กู้ต้องการ
statement ก่อนที่ธนาคารจัดส่งให้
ผู้กู้สามารถแจ้งความประสงค์ที่สาขา เพื่อนำส่งให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้
.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 17 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย