เมียนมา 19 ส.ค. – เอส.พี.เพ็ทแพ็คและพีทีที โกลบอล เคมิคอล ร่วมเปิดโรงงานพลาสติกแห่งแรกในประเทศเมียนมา สร้างความเติบโตร่วมกัน มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมไปยังประเทศใน CLMV สนองตอบความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
นายธเนศ ปณิธานศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท S.P. Petpack Inter Group (Myanmar) Co., Ltd. กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลาสติกในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2524 เติบโตอย่างต่อเนื่องตามลำดับด้วยคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและบริการ จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ในวันนี้บริษัทฯ มีศักยภาพในการผลิตระดับชั้นนำของประเทศและระดับอาเซียน ด้วยความพร้อมทุกด้าน บริษัท เอส.พี.เพ็ทแพค จำกัด ได้ทำการขยายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกมายังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นิคมเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ซึ่งเหมาะสมทั้งด้านการ Supply สาธารณูปโภคที่ครบครัน และความพร้อมด้านแรงงานชาวเมียนมา ทำให้มีการรวมกลุ่มกันของนักลงทุนในภาคการผลิตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ทั้งจากอาเซียนและทวีปยุโรป ทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าทั้งในเมียนมาและอาเซียน
ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ให้การสนับสนุนวัตถุดิบสำคัญ คือ เม็ดพลาสติก InnoPlus คุณภาพสูง เพื่อการพัฒนาตลาดผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกในเมียนมา ทำให้โรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกจากประเทศไทยเกิดขึ้นเป็นโรงงานแรกในเมียนมา นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกไทย
สำหรับโรงงาน SP Petpack ที่เมียนมา ดำเนินงานโดย บริษัท S.P. Petpack Inter Group (Myanmar) Co., Ltd. ประกอบธุรกิจและสร้างโรงงานเพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบเป่าและแบบฉีด โดยใช้เม็ดพลาสติก InnoPlus ชนิด HDPE, LDPE เพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร นม น้ำมันหล่อลื่น และบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดต่าง ๆ เป็นต้น เป็นโรงงานที่มีความพร้อมทางเทคโนโลยีการผลิตที่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย ที่มีประสิทธิภาพและกำลังการผลิตสูง และได้มาตรฐานสากล มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3,000 ตัน/ปีในระยะแรกและจะขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็น 8,800 ตันต่อปีในปี 2569 มูลค่าโครงการรวมประมาณ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวว่า GC ในฐานะผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มีทิศทางการเติบโตและการขยายการลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนองตอบความต้องการของตลาดยุคใหม่ โดยหนึ่งในนโยบายของ GC คือ การมุ่งเน้นการขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) โดยสนับสนุนผู้ประกอบการพลาสติกของประเทศไทยในการลงทุนขยายการผลิตในกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาด เช่น โครงการความร่วมมือในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้สามารถพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกัน
โรงงาน SP Petpack ในเมียนมา เป็นโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกในเมียนมาระหว่าง บริษัท เอส.พี.เพ็ทแพค จำกัด และ GC เป็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในเมียนมาร์ ซึ่งใช้เม็ดพลาสติก InnoPlus จาก GC เป็นวัตถุดิบหลัก โดย GC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25
นอกจากนี้ ตลาดพลาสติกของ CLMV มีศักยภาพดีมาก เนื่องจากประเทศในกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโต สะท้อนความต้องการใช้พลาสติก ซึ่งนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน มีอัตราสูงขึ้น 1.5 – 2.0 เท่าของ GDP หากเจาะลึกไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีความต้องการพลาสติก 250,000 – 300,000 ตัน/ปี มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.7 เท่าของ GDP สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง สามารถเชื่อมโยงไปสู่ความต้องการใช้พลาสติกในอัตราสูงมากกว่าร้อยละ 10.-สำนักข่าวไทย