กรุงเทพฯ 8 ส.ค.- ศาลสั่งจำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาทโดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และพักใบอนุญาตขับขี่ 1ปี รวมทั้งทำงานบริการสังคม 48 ชั่วโมง เสี่ยรถเบนซ์เมาสุราขับรถไล่และปาดหน้ารถผู้เสียหาย บนถนนพระราม 3
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงคลิปวีดีโอที่มีการแชร์มากในโลกโซลเชียลมิเดียถึงผู้ขับขี่รถยนต์ประมาทหวาดเสียว เหตุเกิดในพื้นที่ สน.บางโพงพาง ว่าได้รับรายงานจาก สน.บางโพงพาง ว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 22.30 น. ผู้เสียหายขับรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าซีวิค สีบลอนด์ทอง ทะเบียน วร-8144 โดยมีผู้โดยสารมาด้วยอีก 1 คน ขณะขับรถกลับบ้านพัก เมื่อมาถึงถนนพระราม 3 บริเวณหน้าคอนโดเอสวีซิตี้ ขณะที่ผู้เสียหาย กำลังขับขี่รถของตนอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากขวามือข้างช่องทางเดินรถบีอาiNที (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ผู้เสียหาย เห็นรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีเทา ทะเบียน 5กธ-6291 กรุงเทพมหานคร มี ผู้ต้องหา เป็นผู้ขับขี่ ขับขี่อยู่ในช่องทางที่ 2 นับจากซ้ายมือซึ่งอยู่ช่องทางเดินรถทางซ้ายมือของรถผู้เสียหาย กำลังจะเปลี่ยนช่องทางล้ำเข้ามาในช่องทางเดินรถผู้เสียหาย โดยไม่ให้สัญญาณไฟจราจร ผู้เสียหาย จึงได้บีบแตรเป็นจังหวะสั้นๆ ประมาณ 2 ครั้ง แต่ ผู้ต้องหา ก็ยังไม่หยุดขับขี่ล้ำเข้ามาในช่องทางเดินรถของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้บีบแตรยาว ผู้ต้องหาจึงได้บังคับรถหักรถกลับช่องทางของตน จากนั้นผู้เสียหายขับขี่รถไปตามถนนพระราม 3 มุ่งหน้าไปยังสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ แต่ผู้ต้องหาก็ยังได้ขับขี่ตามผู้เสียหาย มาชิดทางด้านหลังรถ และมาชิดทางด้านซ้ายรถผู้เสียหาย จนมาถึงก่อนทางขึ้นสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ ผู้เสียหาย จึงได้ชะลอรถเพื่อรอให้ผู้ต้องหา ขับรถผ่านไปก่อน แต่ผู้ต้องหา ได้ชะลอรถข้างหน้ารถผู้เสียหาย แล้วจอดชิดขอบทางด้านซ้าย ผู้เสียหายจึงได้ขับรถขึ้นสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ไป ผู้เสียหาย เห็นว่าไม่ปลอดภัยจึงได้บอกให้ ผู้โดยสาร โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อลงจากสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์แล้ว ผู้เสียหาย ได้ขับขี่อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากซ้ายมือ (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ผู้ต้องหาก็ยังขับขี่รถตามมาอีกและขับขี่ประกบอยู่ข้างหน้าเล็กน้อยทางด้านขวามือของรถผู้เสียหาย อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 3 นับซ้ายมือ ประกบข้างรถนายนิพนธ์ฯ มาเรื่อย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหาย ขับขี่ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. จนกระทั้งมาถึงบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ถนนพระราม 3 ก่อนถึงทางแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหา ได้ขับขี่รถเบียดเข้ามาในช่องทางเดินรถของผู้เสียหาย ผู้เสียหาย ได้พยายามเบี่ยงรถหลบหนีไปทางซ้าย แต่ผู้ต้องหา ก็ยังได้ขับขี่รถเบียดตามรถผู้เสียหาย มาอีก เมื่อถึงบริเวณช่วงต้นทางขึ้นสะพานข้ามแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหา ได้ชะลอรถอยู่ข้างหน้าผู้เสียหาย ในช่องทางขึ้นสะพานช่องทางซ้ายมือ (มี 2 ช่องทาง) ผู้เสียหาย จึงได้หยุดรถและถอยรถลงจากทางขึ้นสะพานข้ามแยกพระราม 9 เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงวิ่งทางด้านล่าง ผู้เสียหาย จึงได้หยุดรถแล้วขับขี่รถถอยหลังลงจากสะพานแล้วขับขี่ตามรถผู้เสียหายมา ขณะที่ผู้เสียหาย กำลังหยุดรอสัญญาณไฟแดงอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากขวามือ (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ของทางแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถตามมาจากทางด้านหลัง มาจากทางด้านขวามือ จากนั้นปาดซ้ายเข้ามาหยุดยังช่องทางหน้ารถของผู้เสียหาย ผู้เสียหาย จึงได้ขับขี่ออกมาทางขวามือและได้พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางโพงพาง อยู่บริเวณแยกใต้สะพานพระราม 9 พอดี จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทราบ
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหา มีลักษณะอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว มาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ป้อมตำรวจจราจร บริเวณใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ ผลปรากฏว่า มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 224 มิลลกิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้จับกุมตัว ในข้อหา ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีก พนักงานสอบสวนได้สอบสวน ผู้เสียหาย และ พยาน ในคดี และได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจับกุมในข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา เป็นข้อหา 1.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ 2.ขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น 3.ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร 4.ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตราแก่บุคคลหรือทรัพย์ 5.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ได้สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครใต้ สั่งฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2561 ศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1972/2561คดีหมายเลขแดงที่ 2157/2561 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2561 1. ข้อหาขับรถขณะเมาสุราฯ ปรับ 8,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำรอ 2 ปี 2.ข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียวฯ และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ ปรับ 2,000 บาท 3. กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนัก และคุมประพฤติรายงานตัว 3 เดือนต่อครั้งใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 48 ชม. พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 1 ปี
สำหรับประเด็นที่ผู้เสียหายนำไปโพสต์ลงในโลกโซลเชียลมิเดีย ในลักษณะที่วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนนั้น ทำให้มีประชาชนบางส่วนได้รับข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง เพราะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวน สั่งฟ้องผู้ต้องหาตั้งแต่มีการรับแจ้งเหตุ ประกอบกับ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปตามกรอบกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน เมื่อผู้เสียหายประสงค์ที่จะแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในฐานความผิดใด พนักงานสอบสวนก็ได้จัดให้มีการสอบสวน ซึ่งในคดีนี้ก็ได้มีการรับแจ้งความและได้ทำการสอบสวนมาโดยตลอด .-สำนักข่าวไทย