ศาลสั่งจำคุกและปรับเสี่ยรถเบนซ์เมาขับรถไล่ปาดหน้าย่านพระราม 3

กรุงเทพฯ 8 ส.ค.- ศาลสั่งจำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาทโดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี  และพักใบอนุญาตขับขี่ 1ปี รวมทั้งทำงานบริการสังคม 48 ชั่วโมง เสี่ยรถเบนซ์เมาสุราขับรถไล่และปาดหน้ารถผู้เสียหาย บนถนนพระราม 3 


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงคลิปวีดีโอที่มีการแชร์มากในโลกโซลเชียลมิเดียถึงผู้ขับขี่รถยนต์ประมาทหวาดเสียว เหตุเกิดในพื้นที่ สน.บางโพงพาง ว่าได้รับรายงานจาก สน.บางโพงพาง ว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 22.30 น. ผู้เสียหายขับรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าซีวิค สีบลอนด์ทอง ทะเบียน วร-8144 โดยมีผู้โดยสารมาด้วยอีก 1 คน ขณะขับรถกลับบ้านพัก เมื่อมาถึงถนนพระราม 3 บริเวณหน้าคอนโดเอสวีซิตี้ ขณะที่ผู้เสียหาย กำลังขับขี่รถของตนอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากขวามือข้างช่องทางเดินรถบีอาiNที (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ผู้เสียหาย เห็นรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีเทา ทะเบียน 5กธ-6291 กรุงเทพมหานคร มี ผู้ต้องหา เป็นผู้ขับขี่ ขับขี่อยู่ในช่องทางที่ 2 นับจากซ้ายมือซึ่งอยู่ช่องทางเดินรถทางซ้ายมือของรถผู้เสียหาย กำลังจะเปลี่ยนช่องทางล้ำเข้ามาในช่องทางเดินรถผู้เสียหาย โดยไม่ให้สัญญาณไฟจราจร ผู้เสียหาย จึงได้บีบแตรเป็นจังหวะสั้นๆ ประมาณ 2 ครั้ง แต่ ผู้ต้องหา ก็ยังไม่หยุดขับขี่ล้ำเข้ามาในช่องทางเดินรถของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้บีบแตรยาว ผู้ต้องหาจึงได้บังคับรถหักรถกลับช่องทางของตน จากนั้นผู้เสียหายขับขี่รถไปตามถนนพระราม 3 มุ่งหน้าไปยังสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ แต่ผู้ต้องหาก็ยังได้ขับขี่ตามผู้เสียหาย มาชิดทางด้านหลังรถ และมาชิดทางด้านซ้ายรถผู้เสียหาย จนมาถึงก่อนทางขึ้นสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์  ผู้เสียหาย จึงได้ชะลอรถเพื่อรอให้ผู้ต้องหา ขับรถผ่านไปก่อน แต่ผู้ต้องหา ได้ชะลอรถข้างหน้ารถผู้เสียหาย แล้วจอดชิดขอบทางด้านซ้าย ผู้เสียหายจึงได้ขับรถขึ้นสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์ไป  ผู้เสียหาย เห็นว่าไม่ปลอดภัยจึงได้บอกให้ ผู้โดยสาร โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อลงจากสะพานข้ามแยกท่าน้ำสาธุประดิษฐ์แล้ว ผู้เสียหาย ได้ขับขี่อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากซ้ายมือ (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ผู้ต้องหาก็ยังขับขี่รถตามมาอีกและขับขี่ประกบอยู่ข้างหน้าเล็กน้อยทางด้านขวามือของรถผู้เสียหาย อยู่ในช่องทางเดินรถที่ 3 นับซ้ายมือ ประกบข้างรถนายนิพนธ์ฯ มาเรื่อย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหาย ขับขี่ด้วยความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. จนกระทั้งมาถึงบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ถนนพระราม 3 ก่อนถึงทางแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหา ได้ขับขี่รถเบียดเข้ามาในช่องทางเดินรถของผู้เสียหาย ผู้เสียหาย ได้พยายามเบี่ยงรถหลบหนีไปทางซ้าย แต่ผู้ต้องหา ก็ยังได้ขับขี่รถเบียดตามรถผู้เสียหาย มาอีก  เมื่อถึงบริเวณช่วงต้นทางขึ้นสะพานข้ามแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหา ได้ชะลอรถอยู่ข้างหน้าผู้เสียหาย ในช่องทางขึ้นสะพานช่องทางซ้ายมือ (มี 2 ช่องทาง) ผู้เสียหาย จึงได้หยุดรถและถอยรถลงจากทางขึ้นสะพานข้ามแยกพระราม 9 เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงวิ่งทางด้านล่าง ผู้เสียหาย จึงได้หยุดรถแล้วขับขี่รถถอยหลังลงจากสะพานแล้วขับขี่ตามรถผู้เสียหายมา ขณะที่ผู้เสียหาย กำลังหยุดรอสัญญาณไฟแดงอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 นับจากขวามือ (มีทั้งหมด 4 ช่องทาง) ของทางแยกใต้สะพานพระราม 9 ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถตามมาจากทางด้านหลัง มาจากทางด้านขวามือ จากนั้นปาดซ้ายเข้ามาหยุดยังช่องทางหน้ารถของผู้เสียหาย ผู้เสียหาย จึงได้ขับขี่ออกมาทางขวามือและได้พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางโพงพาง อยู่บริเวณแยกใต้สะพานพระราม 9 พอดี จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทราบ 

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหา มีลักษณะอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว มาตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ป้อมตำรวจจราจร บริเวณใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์  ผลปรากฏว่า มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 224 มิลลกิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้  จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้จับกุมตัว ในข้อหา ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีก พนักงานสอบสวนได้สอบสวน ผู้เสียหาย และ พยาน ในคดี และได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจับกุมในข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา เป็นข้อหา 1.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ 2.ขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น 3.ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร 4.ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตราแก่บุคคลหรือทรัพย์ 5.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ได้สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวงพระนครใต้ สั่งฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2561 ศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1972/2561คดีหมายเลขแดงที่ 2157/2561 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2561  1. ข้อหาขับรถขณะเมาสุราฯ ปรับ 8,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำรอ 2 ปี  2.ข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียวฯ และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ ปรับ 2,000 บาท  3. กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนัก และคุมประพฤติรายงานตัว 3 เดือนต่อครั้งใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 48 ชม. พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 1 ปี

สำหรับประเด็นที่ผู้เสียหายนำไปโพสต์ลงในโลกโซลเชียลมิเดีย ในลักษณะที่วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนนั้น ทำให้มีประชาชนบางส่วนได้รับข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง เพราะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวน สั่งฟ้องผู้ต้องหาตั้งแต่มีการรับแจ้งเหตุ ประกอบกับ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไปตามกรอบกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน เมื่อผู้เสียหายประสงค์ที่จะแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในฐานความผิดใด พนักงานสอบสวนก็ได้จัดให้มีการสอบสวน ซึ่งในคดีนี้ก็ได้มีการรับแจ้งความและได้ทำการสอบสวนมาโดยตลอด .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- อาลัย “เจ๊เกียว” สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี ครอบครัวเชิดชัย แจ้งว่า นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี เจ๊เกียว เกิดเมื่อ 20 มีนาคม 2480 ณ จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ย.68 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กทม. ด้วยอาการชรา ประกอบกับอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค เจ๊เกียว เป็นลูกคนที่ 6 ของครอบครัว เป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด ครอบครัวมีกำลังให้เรียน ป.4 เจ๊เกียว ตั้งปณิธานกับตัวเอง “จะต้องรวยกว่าแม่ให้ได้” จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ตลอดเส้นทางดำเนินชีวิต นับว่า เจ๊เกียว มีประวัติสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากโรงเรียน […]

ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ คนทยอยใช้สิทธิ

ศรีสะเกษ 28 ก.ย.- ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 คึกคัก เผยแม้กังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อยากออกมาใช้สิทธิในฐานะคนไทย ด้านเลขาฯ กกต. ระบุตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลาเปิดหีบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้เหตุฉุกเฉิน -สำนักข่าวไทย