กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- ตำรวจเร่งแกะรอยหาตัวร้าย จี้ชิงทรัพย์ ลูกชาย รอง ผบช.น.และเพื่อน ขณะกลับจากซื้อของร้านสะดวกซื้อกลางซอยพหลโยธินซอย 6
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุคนร้ายชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ในพื้นที่ สน.บางซื่อ ซึ่งสื่อได้นำเสนอข่าวเรื่องนี้ในประเด็น “ลูกชาย-เพื่อนลูกชาย รอง ผบช.น. ถูกคนร้ายชิงทรัพย์” นั้นได้รับรายงานจาก สน.บางซื่อ ว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2561 เวลาประมาณ 20.20 น. บริเวณ ภายในซอยพหลโยธิน 4 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหาย นายเบสท์ ศิริเลิศวรกุล อายุ 17 ปี และ เพื่อนผู้เสียหาย นายภูวิศ หลักบุญ อายุ 17 ปี ได้เดินมาซื้อของที่เซเว่น ซอยพหลโยธิน 6 หลังจากนั้นได้เดินเข้าไปในซอยพหลโยธิน 6 ซึ่งสามารถเดินออกซอยพหลโยธิน 4 ได้ เพื่อกลับที่พัก เมื่อมาถึงบริเวณกลางซอย คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์มาทางซอยพหลโยธิน 4 เข้ามาหาผู้เสียหายและเพื่อน ในมือถืออาวุธปืนจ้องมาพร้อมกับขู่ให้ เอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ ผู้เสียหายจึงยื่นกระเป๋าสตางค์ให้คนร้ายไป เมื่อได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายไปแล้ว คนร้ายได้ขับรถไปทางซอยพหลโยธิน 6 แล้วหลบหนีไป
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนร้าย เป็นชาย ไทย 1 คน อายุประมาณ 25 ปี ใบหน้ามีหนวด ผิวเข้ม สวมเสื้อสีดำ มีฮู้ด กางเกงขายาว ใช้อาวุธปืนสั้น สีดำ แบบเม็กกาซีน ด้ามจับลายไม้ ใช้รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายไปดังนี้ 1.กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Herschel สีเทา 2.เงินสดประมาณ 1,000 บาท 3.บัตรโรงพยาบาลจุฬาฯ 4.บัตรร้านค้า
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาเส้นทางหลบหนีและข้อมูลเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ให้มอบนโยบาย “คดีที่เกิดเหตุทุกคดี ต้องรีบเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว” เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมกำชับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรม โดยการเพิ่มความเข้มงวด วงรอบความถี่ ในการออกตรวจ ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด การตรวจค้นยานพาหนะทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย โดยเน้นการตรวจค้น จับกุม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อลดอาชญากรรมและป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เปลี่ยว มืด มีแสงสว่างน้อย ซึ่งลดโอกาสให้คนร้ายไม่สามารถก่อเหตุได้.-สำนักข่าวไทย