ก.คลัง 21 ก.ย. – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.58 – ส.ค.59) จัดเก็บได้ 2,181,687 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 63,779 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.0 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 9.1 โดยสาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) 56,273 ล้านบาท นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 10,193 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.2 การจัดเก็บภาษีน้ำมัน ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงกว่าประมาณการ 8,936 7,548 และ 6,369 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 8.8 และ 2.2 ตามลำดับ
“จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 สูงกว่าประมาณการ 63,779 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าปีงบประมาณนี้รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของฐานะการคลังของประเทศในการดำเนินนโยบายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายกฤษฎา กล่าว
นายกฤษฎา เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.58 – ส.ค.59) ว่า รัฐบาลมีรายได้นําส่งคลังทั้งสิ้น 2,149,404 ล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 2,591,518 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 387,762 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังสิ้นเดือนสิงหาคม 2559 มีจํานวนทั้งสิ้น 303,352 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพยายามรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องผ่านการใช้จ่ายของภาครัฐโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 77,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.3 ขณะที่ฐานะการคลังยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินนโยบายการคลังในช่วงต่อไป
ส่วนเดือนสิงหาคม 2559 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 54,181 ล้านบาท โดยเป็นการเกินดุลเงินงบประมาณ 27,530 ล้านบาท ขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 26,651 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลขาดดุลเงินสด 510,592 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 387,762 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังสิ้นเดือนสิงหาคม 2559 มีจํานวน 303,352 ล้านบาท
.-สำนักข่าวไทย