กทม. 25 พ.ค. – หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เหตุการณ์ยังเป็นปกติ ไม่มีกลุ่มลูกศิษย์ หรือสื่อมวลชนมาชุมนุมจากการสังเกตการณ์ ส่วนใหญ่ทยอยเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็กแล้วก็เข้าไปเยี่ยมเลย
นี่เป็นบรรยากาศที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว อดีตพระพุทธะอิสระและอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ ในคดีเงินทอนวัดทั้ง 5 คน ตั้งแต่เช้ามีบรรดาลูกศิษย์ และพระภิกษุ จำนวนหนึ่ง ทยอยเดินทางมาเรื่อยๆและรอเพื่อเข้าเยี่ยมตั้งแต่รอบเช้า ที่เปิดให้เข้าเยี่ยมได้ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ในจำนวนนั้น มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งเดินทางเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระและออกมาเปิดเผยว่า อดีตพระพุทธะอิสระ สบายดี มีสุขภาพแข็งแรงดี ช่วงนี้ยังไม่รีบร้อนประกันตัวโดยจะขอใช้เวลาปลีกวิเวกและปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ทนายความจะเข้ามาดำเนินการเพื่อต่อสู้คดี
นายไพบูลย์ บอกว่า จากการได้สนทนากันถึงกรณีการนำกำลังบุกจับกุม ที่มีคลิปเผยแพร่ออกมาเห็นว่า ค่อนข้างรุนแรง เบื้องต้นกลุ่มลูกศิษย์เสนอให้ มีการดำเนินคดีและทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่อดีตพระพุทธะอิสระไม่ต้องการให้ดำเนินการใดๆ โดยเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่ดีแล้วเป็นไปตามกรรม และเป็นการกำหนดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อชำระล้างพระพุทธศาสนา
ส่วนประเด็นการลาสิกขาได้สอบถามแล้ว อดีตพระพุทธะอิสระยืนยันว่าไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา ซึ่งกรณีดังกล่าวมีเจ้าอาวาสวัดเสมียนนารีเป็นพยาน จึงทำให้ยังไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์
ส่วนด้านคดีของอดีตพระพุทธะอิสระ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความเปิดเผยว่าในเบื้องต้นจะขอยื่นประกันตัวในชั้นอัยการ ระหว่างนี้ขอให้ตำรวจสรุปสำนวนการสอบสวนสั่งฟ้องไปก่อน
โดยในส่วนของคดี แบ่งพิจารณาเป็นสองส่วนคือส่วนแรกในคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล อั้งยี่ซ่องโจร สนับสนุนปล้นทรัพย์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดีในชั้นศาล และจะขอใช้หลักทรัพย์เดิมยื่นประกันตัว
ส่วนคดีปลอมแปลงและใช้พระปรมาภิไธยโดยไม่ได้รับอนุญาต ยอมรับสารภาพว่า ได้อัญเชิญมาใช้จริงแต่ไม่ได้มีเจตนาล่วงละเมิดหรือลบหลู่ ซึ่งทีมทนายขอเตรียมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อกฎหมายประกอบคำรับสารภาพเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาล เพราะกรณีดังกล่าวมีรายละเอียดจำนวนมากทั้งเจตนาและวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ตลอดจนระเบียบของสำนักพระราชวัง ซึ่งบางอย่างยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนพระชั้นผู้ใหญ่ ในคดีทุจริตเงินทอนวัด ก็มีพระภิกษุเดินทางมาเยี่ยมด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว มีเพียงพระลูกวัดจากวัดสระเกศเท่านั้น ที่บอกเพียงสั้นๆ ว่ามาเยี่ยมให้กำลังใจพระผู้ใหญ่ของวัด
ด้านพันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันนท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเดินทางมาดูความเรียบร้อยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวว่า ผู้ต้องขังใหม่ที่รับเข้ามาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเมื่อคืนได้แยกพักเป็นสองกลุ่ม
โดยอดีตพระพุทธะอิสระพักแยกอยู่ต่างหาก ส่วนอดีตพระชั้นผู้ใหญ่อีก 5 คนแยกอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยสภาพเรือนนอนในแดน 1 ซึ่งมีความสะอาดดีและอยู่ในสภาพเรียบร้อย ห้องน้ำมีทั้งแบบนั่งยองและนั่งห้อยขา
ขณะนี้ทุกคนได้รับการตรวจร่างกายจากนายแพทย์ของกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากมีโรคประจำตัว แต่สภาพร่างกายในช่วงเช้าวันนี้ดูสดชื่นแจ่มใสมากขึ้น เริ่มกินข้าวได้แต่ยังมีความเครียดและวิตกกังวลบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งเป็นธรรมดาของของผู้ต้องขังใหม่ หลังจากนี้จะค่อยๆ ปรับตัวได้ ส่วนเรื่องโรคประจำตัวอนุญาตให้นำยารักษาโรคที่แพทย์รับรองเข้ามาใช้ในเรือนจำได้ ยกเว้นยาทั่วไปที่เรือนจำมีอยู่แล้ว
โดยในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เรือนจำจะเข้าไปแนะนำแนวทางปฎิบัติตัวในเรือนจำให้เข้าใจว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ในเรื่องของเครื่องแต่งกายในช่วงแรกอนุโลมให้ใส่เสื้อยืดขาวกางเกงขาสั้นสีขาวไปก่อน เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่บวชเป็นพระมานานในช่วงที่ไม่ได้ห่มจีวรในทางความรู้สึกอาจต้องทำใจมาก และต้องการนุ่งขาวห่มขาวเมื่อปรับตัวได้จึงจะให้สวมใส่เสื้อผ้าของเรือนจำซึ่งผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีจะใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลลูกวัว ส่วนเรื่องการสวดมนต์และปฏิบัติธรรมสามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะเรือนจำสนับสนุนในเรื่องการปฏิบัติธรรม ในทุกวันก่อนเข้านอนก็จะมีเวลาให้ผู้ต้องขังได้ปฎิบัติตัวตามศาสนาอยู่แล้ว
ทั้งนี้ยืนยันว่าแม้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพจะมีผู้ต้องขังที่มีความเห็นต่างทางการเมืองหลายกลุ่ม แต่มั่นใจในระเบียบที่สามารถดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือทะเลาะวิวาท .- สำนักข่าวไทย