พะเยา 22 พ.ค.-คปภ.
ลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านการประกันภัยข้าวนาปีในจังหวัดพะเยา ส่งเสริมให้ชาวนาใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มความคุ้มกันรับมือกับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติปีนี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ
เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า
สำนักงาน คปภ.เดินหน้าขับเคลื่อนกลไกการประกันภัยพืชผล
เพื่อผลักดันให้เกษตรกรไทยบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยการประกันภัยข้าวนาปี
พร้อมดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ที่มอบหมายให้สำนักงาน
คปภ.เป็นหน่วยงานดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผ่านโครงการ “อบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers)” ระหว่างวันที่
21-22 พฤษภาคมที่จังหวัดพะเยา โดยสำนักงาน คปภ.
ได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและรับฟังข้อคิดเห็น
ตลอดจนข้อเสนอแนะจากเกษตรกรผู้ทำประกันภัยข้าวนาปีในพื้นที่จังหวัดพะเยา
ซึ่งถือเป็นการลงพื้นที่เป็นจังหวัดที่ 4 สำหรับปีนี้
หลังจากลงพื้นที่ไปก่อนหน้านี้แล้วที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดกำแพงเพชร
นายสุทธิพล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาดูงานและเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้โดยเกษตรกรต้นแบบ
ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านบัว
และพบปะเกษตรกรเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกันภัยข้าวนาปี ณ วัดดอกบัว
ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมืองพะเยา มีเกษตรกรให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า 300 คน
รวมทั้งจากการรายงานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. จังหวัดพะเยา พบว่าในปี 2560
จังหวัดพะเยา มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งสิ้น 617,214 ไร่
และมีการเอาประกันภัยข้าวนาปีจำนวน 313,223 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 50.75%
ของพื้นที่เพาะปลูกในจังหวัด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่มีอยู่ร้อยละ 44.94
โดยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วทั้งสิ้น 13,584,847 บาท
เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันภัยสุทธิ 24,753,399 บาท
“สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้
พบว่าเกษตรกรยังขาดความเข้าใจในเงื่อนไขการรับประกันภัยและความคุ้มครองจากการประกันภัยข้าวนาปี
เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้าใจและเห็นถึงความจำเป็นในการนำระบบประกันภัยมาเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงเพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ
จึงได้อบรมความรู้การประกันภัยข้าวนาปี “Training for the Trainers” และหวังว่า
“โครงการประกันภัยข้าวนาปี” จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวนาไทย
และทำให้เกษตรกรเล็งเห็นความสำคัญของการประกันภัยมากยิ่งขึ้น
อันจะส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนในการปฏิรูปนโยบายการประกันภัยพืชผล
ซึ่งนำไปสู่การสร้างความมั่นคงในชีวิตและยกระดับรายได้ของเกษตรกรในประเทศต่อไป”เลขาธิการคปภ.กล่าว-สำนักข่าวไทย