ปตท.พร้อมซื้อก๊าซโมซัมบิกแม้ ก.พลังงานปฏิเสธข้อเสนอนำเข้าแบบสัญญาระยะยาว

กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – ประธานบอร์ด ปตท.ยืนยันพร้อมเดินหน้าลงนามข้อตกลงซื้อก๊าซแหล่งโมซัมบิก 20 ปี ปริมาณ 2.625 ล้านตัน แม้ล่าสุด รมว.พลังงานไม่อนุมัตินำเข้ารูปแบบสัญญาระยะยาว เชื่อมั่นขายได้ทั้งในและต่างประเทศ เพราะราคาต่ำกว่า 7 ดอลลาร์/ล้านบีทียู พร้อมแนะไทยควรลดความเสี่ยงด้วยการทำสัญญาระยะยาวร้อยละ 60-70 ของความต้องการ


นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ. ปตท. กล่าวว่า หากกระทรวงพลังงานมีแนวคิดจะไม่ให้ ปตท.ในฐานะรัฐวิสาหกิจในสังกัดทำสัญญาระยะยาว (Long Term ) เพื่อซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) จากแหล่งก๊าซโมซัมบิก ทาง ปตท.ก็พร้อมดำเนินการเองในการยืนยันซื้อก๊าซจากแหล่งนี้ในปริมาณเดิมที่ได้แจ้งไว้ คือ 2.6 ล้านตัน/ปี ต่อไป เพราะราคาที่ตกลงล่าสุดนับว่าเป็นราคาที่ดี แข่งขันได้ สามารถจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งนับจากนี้ฝ่ายดำเนินการก็จะต้องไปเจรจาในเงื่อนไขอื่น ๆ กับทางทางผู้ผลิตก๊าซต่อไป

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า กรณีขายในประเทศ ก็คาดว่าโรงไฟฟ้าหรือผู้นำเข้ารายอื่นตามข้อกำหนดของรัฐบาลที่เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังและท่อก๊าซของ ปตท. (Third Party Access) ก็ต้องซื้อก๊าซฯ จากผู้ขายก๊าซฯ ราคาต่ำสุดตามเป็นกลไกดูแลผู้บริโภค โดยกรณีนี้ ปตท.จะเป็นผู้ค้าก๊าซแข่งกับรายอื่นเพื่อขายให้ผู้นำเข้าหรือโรงไฟฟ้า แต่ราคาขายของ ปตท.ก็จะขึ้นลงตามตลาดโลก ไม่ได้เป็นราคาขายระบบ POOL เหมือนในอดีต ดังนั้น ปตท.มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้น หากราคาตลาดโลกสูง แต่ก็มีความเสี่ยงรับภาระขาดทุนหากราคาตลาดโลกต่ำ นอกจากนี้ บมจ.จีพีเอสซี ผู้ผลิตไฟฟ้าในเครือ ปตท.มีความจำเป็นต้องใช้ก๊าซฯ ก็เป็นช่องทางในการจำหน่ายก๊าซของ ปตท.


“หากรัฐบาลไม่ได้อนุมัติทำสัญญาระยะยาว ก็ไม่ได้หมายความว่า ปตท.จะลงนามซื้อก๊าซจากแหล่งโมซัมบิกไม่ได้ แต่ ปตท.ก็ต้องรับความเสี่ยงในการจำหน่ายเอง เปลี่ยนจากเดิมที่ ปตท.เคยนำเข้าสัญญา LONG TERM นั้นซื้อมาเท่าไหร่ก็เอาเข้าระบบพูลก๊าซ ราคานี้ ปตท.ไม่ได้กำไร แต่หากเป็นการซื้อระบบใหม่ เมื่อลงนามซื้อจากแหล่งโมซัมบิกแล้ว ปตท.ก็ไม่ต้องขายราคาทุน ขายราคาตามตลาด ราคามีทั้งขึ้นและลง หากราคาสูง ปตท.ก็กำไรจากส่วนต่าง แต่หากราคาต่ำกว่าทุน ปตท.ก็รับความเสี่ยงเอง ซึ่งด้วยเงื่อนไขที่ดี ก็เชื่อมั่นว่า ปตท.จะสามาถขายทำกำไรได้” นายปิยสวัดิ์ กล่าว

นายปิยสวัสดิ์ ซึ่งในอดีตเป็น รมว.พลังงานและเป็นผู้กำหนดนโยบายพลังงานที่สำคัญ ระบุด้วยว่าในความเห็นส่วนตัวแล้ว ทางกระทรวงพลังงานควรจะกำหนดให้ประเทศมีการนำเข้าแอลเอ็นจีเงื่อนไขระยะยาวในสัดส่วนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เคยมีมติกำหนดไว้ที่ร้อยละ 60-70 ของความต้องการใช้ ส่วนที่เหลือก็เป็นราคาตลาดจร (สป็อต) เพื่อป้องกันสถานการณ์ผันผวน และจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยจะเห็นได้ว่าราคาสป็อตแอลเอ็นจีปี 2560 ราคาเคยต่ำสุดประมาณ 6 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู และขึ้นมาสูงสุดที่ 12 ดอลลาร์/ล้านบีทียู และในช่วงเดือนเมษายน 2561 ราคาก็ลงมาอยู่ประมาณ 7 ดอลลาร์/ล้านบีทียู

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งต่อ ปตท.ว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอรับซื้อก๊าซจากแหล่งโมซัมบิก เพื่อนำเข้ามาเป็นข้อตกลงของรัฐบาลในการจัดทำเป็นระบบสัญญาระยะยาว โดยเห็นว่าการนำเข้าแอลเอ็นจีในอนาคตควรเป็นรูปแบบแข่งขันเสรีทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนได้ค่าไฟฟ้าต่ำสุด จึงจะไม่มีการเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อขออนุมัติแต่อย่างใด


โดยที่ผ่านมามีผู้เสนอนำเข้าแอลเอ็นจี เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลุ่มกัลฟ์ เป็นต้น ซึ่ง กฟผ.อนุมัตินำเข้า 1.5 ล้านตัน/ปี ส่วนกัลฟ์ยังไม่ได้รับการอนุมัติ โดยจะต้องรอรอบการเปิดอนุมัตินำเข้าใหม่หลังคลังแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 หนองแฟบ เปิดดำเนินการอีก 7.5 ล้านตันในไตรมาส 1/2565 โดยเงื่อนไขสำคัญที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดไว้ คือ ผู้นำเข้าจะต้องมีสัญญาจำหน่ายก๊าซที่ชัดเจนกับโรงไฟฟ้าต่าง ๆ

ทั้งนี้ แหล่งก๊าซโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ ถือหุ้น โดย บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ร้อยละ 8.5 เป็นแหล่งขนาดใหญ่มีสำรองประมาณ 60-77 ล้านล้านลูกบาศ์กฟุต จะตัดสินใจครั้งสุดท้ายในการลงทุนภายในครึ่งหลังปี 2561 คาดผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2566 กำลังผลิตระยะแรก 12 ล้านตัน/ปี โดยทางรัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติแผนลงทุนแล้วตั้งแต่ดือนกุมภาพันธ์ 2561 และมีการเชิญ รมว.พลังงานของไทยไปเยือนโมซัมบิก เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างกันด้วย โดยโครงการนี้มีลูกค้าระยะยาวที่ตอบรับแล้ว คือ EDF ฝรั่งเศส 1.2 ล้านตัน/ปี ENGIE  1 ล้านตัน/ปี ปตท. 2.625 ล้านตันต่อปี (รอการตอบรับที่ชัดเจน ) รวม 5.1 ล้านตัน/ปี และอยู่ระหว่างการเจรจา อีก 3.4-4.4 ล้านตัน/ปี ได้แก่ กลุ่มลูกค้า จีน,อินเดียและญี่ปุ่น

ปตท.ได้รายงานต่อกระทรวงพลังงานว่า ราคาก๊าซแอลเอ็นจีที่ตกลงกับแหล่งโมซัมบิกล่าสุดเป็นราคาที่ดีมาก ต่ำกว่าสัญญาระยะยาวทุกแหล่งที่ไทยทำสัญญานำเข้ามาแล้ว โดยการเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตราคาลดลงจากที่เคยเจรจากันกว่า 2 ดอลลาร์/ล้านบีทียู เหลือประมาณ 7.43 ดอลลาร์/ล้านบีทียู สัญญาจะมีการซื้อ 20 ปี เริ่มจากปี 2566 หรือ 2567 เป็นต้นไป โดย ปตท.เห็นว่าการตกลงราคาในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ แต่หลังจากนี้ไปอีก 3-4 ปีข้างหน้าตลาดจะเป็นของผู้ขาย ขณะเดียวกันการนำเข้าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปิดเสรี และยังเป็นการรองรับอนาคตการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยและเมียนมา ลดลงอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย