ปตท.พร้อมซื้อก๊าซโมซัมบิกแม้ ก.พลังงานปฏิเสธข้อเสนอนำเข้าแบบสัญญาระยะยาว

กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – ประธานบอร์ด ปตท.ยืนยันพร้อมเดินหน้าลงนามข้อตกลงซื้อก๊าซแหล่งโมซัมบิก 20 ปี ปริมาณ 2.625 ล้านตัน แม้ล่าสุด รมว.พลังงานไม่อนุมัตินำเข้ารูปแบบสัญญาระยะยาว เชื่อมั่นขายได้ทั้งในและต่างประเทศ เพราะราคาต่ำกว่า 7 ดอลลาร์/ล้านบีทียู พร้อมแนะไทยควรลดความเสี่ยงด้วยการทำสัญญาระยะยาวร้อยละ 60-70 ของความต้องการ


นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ. ปตท. กล่าวว่า หากกระทรวงพลังงานมีแนวคิดจะไม่ให้ ปตท.ในฐานะรัฐวิสาหกิจในสังกัดทำสัญญาระยะยาว (Long Term ) เพื่อซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) จากแหล่งก๊าซโมซัมบิก ทาง ปตท.ก็พร้อมดำเนินการเองในการยืนยันซื้อก๊าซจากแหล่งนี้ในปริมาณเดิมที่ได้แจ้งไว้ คือ 2.6 ล้านตัน/ปี ต่อไป เพราะราคาที่ตกลงล่าสุดนับว่าเป็นราคาที่ดี แข่งขันได้ สามารถจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งนับจากนี้ฝ่ายดำเนินการก็จะต้องไปเจรจาในเงื่อนไขอื่น ๆ กับทางทางผู้ผลิตก๊าซต่อไป

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า กรณีขายในประเทศ ก็คาดว่าโรงไฟฟ้าหรือผู้นำเข้ารายอื่นตามข้อกำหนดของรัฐบาลที่เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังและท่อก๊าซของ ปตท. (Third Party Access) ก็ต้องซื้อก๊าซฯ จากผู้ขายก๊าซฯ ราคาต่ำสุดตามเป็นกลไกดูแลผู้บริโภค โดยกรณีนี้ ปตท.จะเป็นผู้ค้าก๊าซแข่งกับรายอื่นเพื่อขายให้ผู้นำเข้าหรือโรงไฟฟ้า แต่ราคาขายของ ปตท.ก็จะขึ้นลงตามตลาดโลก ไม่ได้เป็นราคาขายระบบ POOL เหมือนในอดีต ดังนั้น ปตท.มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้น หากราคาตลาดโลกสูง แต่ก็มีความเสี่ยงรับภาระขาดทุนหากราคาตลาดโลกต่ำ นอกจากนี้ บมจ.จีพีเอสซี ผู้ผลิตไฟฟ้าในเครือ ปตท.มีความจำเป็นต้องใช้ก๊าซฯ ก็เป็นช่องทางในการจำหน่ายก๊าซของ ปตท.


“หากรัฐบาลไม่ได้อนุมัติทำสัญญาระยะยาว ก็ไม่ได้หมายความว่า ปตท.จะลงนามซื้อก๊าซจากแหล่งโมซัมบิกไม่ได้ แต่ ปตท.ก็ต้องรับความเสี่ยงในการจำหน่ายเอง เปลี่ยนจากเดิมที่ ปตท.เคยนำเข้าสัญญา LONG TERM นั้นซื้อมาเท่าไหร่ก็เอาเข้าระบบพูลก๊าซ ราคานี้ ปตท.ไม่ได้กำไร แต่หากเป็นการซื้อระบบใหม่ เมื่อลงนามซื้อจากแหล่งโมซัมบิกแล้ว ปตท.ก็ไม่ต้องขายราคาทุน ขายราคาตามตลาด ราคามีทั้งขึ้นและลง หากราคาสูง ปตท.ก็กำไรจากส่วนต่าง แต่หากราคาต่ำกว่าทุน ปตท.ก็รับความเสี่ยงเอง ซึ่งด้วยเงื่อนไขที่ดี ก็เชื่อมั่นว่า ปตท.จะสามาถขายทำกำไรได้” นายปิยสวัดิ์ กล่าว

นายปิยสวัสดิ์ ซึ่งในอดีตเป็น รมว.พลังงานและเป็นผู้กำหนดนโยบายพลังงานที่สำคัญ ระบุด้วยว่าในความเห็นส่วนตัวแล้ว ทางกระทรวงพลังงานควรจะกำหนดให้ประเทศมีการนำเข้าแอลเอ็นจีเงื่อนไขระยะยาวในสัดส่วนตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เคยมีมติกำหนดไว้ที่ร้อยละ 60-70 ของความต้องการใช้ ส่วนที่เหลือก็เป็นราคาตลาดจร (สป็อต) เพื่อป้องกันสถานการณ์ผันผวน และจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยจะเห็นได้ว่าราคาสป็อตแอลเอ็นจีปี 2560 ราคาเคยต่ำสุดประมาณ 6 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู และขึ้นมาสูงสุดที่ 12 ดอลลาร์/ล้านบีทียู และในช่วงเดือนเมษายน 2561 ราคาก็ลงมาอยู่ประมาณ 7 ดอลลาร์/ล้านบีทียู

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งต่อ ปตท.ว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอรับซื้อก๊าซจากแหล่งโมซัมบิก เพื่อนำเข้ามาเป็นข้อตกลงของรัฐบาลในการจัดทำเป็นระบบสัญญาระยะยาว โดยเห็นว่าการนำเข้าแอลเอ็นจีในอนาคตควรเป็นรูปแบบแข่งขันเสรีทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนได้ค่าไฟฟ้าต่ำสุด จึงจะไม่มีการเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อขออนุมัติแต่อย่างใด


โดยที่ผ่านมามีผู้เสนอนำเข้าแอลเอ็นจี เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลุ่มกัลฟ์ เป็นต้น ซึ่ง กฟผ.อนุมัตินำเข้า 1.5 ล้านตัน/ปี ส่วนกัลฟ์ยังไม่ได้รับการอนุมัติ โดยจะต้องรอรอบการเปิดอนุมัตินำเข้าใหม่หลังคลังแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 หนองแฟบ เปิดดำเนินการอีก 7.5 ล้านตันในไตรมาส 1/2565 โดยเงื่อนไขสำคัญที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดไว้ คือ ผู้นำเข้าจะต้องมีสัญญาจำหน่ายก๊าซที่ชัดเจนกับโรงไฟฟ้าต่าง ๆ

ทั้งนี้ แหล่งก๊าซโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ ถือหุ้น โดย บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ร้อยละ 8.5 เป็นแหล่งขนาดใหญ่มีสำรองประมาณ 60-77 ล้านล้านลูกบาศ์กฟุต จะตัดสินใจครั้งสุดท้ายในการลงทุนภายในครึ่งหลังปี 2561 คาดผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2566 กำลังผลิตระยะแรก 12 ล้านตัน/ปี โดยทางรัฐบาลโมซัมบิกอนุมัติแผนลงทุนแล้วตั้งแต่ดือนกุมภาพันธ์ 2561 และมีการเชิญ รมว.พลังงานของไทยไปเยือนโมซัมบิก เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างกันด้วย โดยโครงการนี้มีลูกค้าระยะยาวที่ตอบรับแล้ว คือ EDF ฝรั่งเศส 1.2 ล้านตัน/ปี ENGIE  1 ล้านตัน/ปี ปตท. 2.625 ล้านตันต่อปี (รอการตอบรับที่ชัดเจน ) รวม 5.1 ล้านตัน/ปี และอยู่ระหว่างการเจรจา อีก 3.4-4.4 ล้านตัน/ปี ได้แก่ กลุ่มลูกค้า จีน,อินเดียและญี่ปุ่น

ปตท.ได้รายงานต่อกระทรวงพลังงานว่า ราคาก๊าซแอลเอ็นจีที่ตกลงกับแหล่งโมซัมบิกล่าสุดเป็นราคาที่ดีมาก ต่ำกว่าสัญญาระยะยาวทุกแหล่งที่ไทยทำสัญญานำเข้ามาแล้ว โดยการเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตราคาลดลงจากที่เคยเจรจากันกว่า 2 ดอลลาร์/ล้านบีทียู เหลือประมาณ 7.43 ดอลลาร์/ล้านบีทียู สัญญาจะมีการซื้อ 20 ปี เริ่มจากปี 2566 หรือ 2567 เป็นต้นไป โดย ปตท.เห็นว่าการตกลงราคาในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ แต่หลังจากนี้ไปอีก 3-4 ปีข้างหน้าตลาดจะเป็นของผู้ขาย ขณะเดียวกันการนำเข้าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปิดเสรี และยังเป็นการรองรับอนาคตการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยและเมียนมา ลดลงอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย