ป.ป.ท. 5 เม.ย.-ป.ป.ท.จับตา ความเคลื่อนไหวผู้บริหารระดับสูงพม. ที่เกี่ยวข้องทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง พร้อมจัดชุดคุ้มครองพยานใน จ.นครพนม หลังถูกคุกคาม เตรียมสรุปสำนวนทุจริตคนไร้ที่พึ่งให้ครบ 56จังหวัดภายในเมษายนนี้
พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (5เม.ย.)ได้เสนอคณะกรรมการหรือบอร์ด ป.ป.ท.พิจารณาสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จริงการทุจริตเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจำนวน 24 จังหวัด เพื่ออนุมัติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีอาญา ซึ่งบอร์ดกำลังพิจารณาอยู่ และจะสรุปผลให้ทราบภายหลังเสร็จสิ้นกรประชุม
ส่วนกรณีผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำนวน3คน ซึ่งเกินอำนาจดำเนินการของป.ป.ท. ในวันนี้ยังไม่ได้เสนอสำนวนเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด เพื่อพิจารณาส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากอยู่ระหว่างสรุปสำนวน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนเสร็จและเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดอีกครั้งหลังสงกรานต์ ระหว่างนี้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบติดตามความเคลื่อนไหวของผู้บริหารระดับกลุ้มนี้ทุกด้าน รวมถึงเส้นทางการเงินด้วย แต่ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือน่ากังวลและยังไม่ปรากฏข้อมูลที่เชื่อมโยงไปถึงระดับปลัดหรือรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพรวมการทุจริตโครงการนี้ทั่วประเทศพบพฤติการณ์ทุจริตแล้วจำนวน 56 จังหวัด บอร์ด ป.ป.ท. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว 19 จังหวัด ถ้าวันนี้มีมติรับครบทั้ง24 จังหวัด ก็เหลืออีก17 จังหวัด ซึ่งจะทยอยสรุปสำนวนและเสนอที่ประชุมบอร์ดต่อเนื่อง ซึ่งหากเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้วครบ 56 จังหวัดคาดว่าจะมีผู้กระทำผิดไม่น้อยกว่า 200 คน
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดูแลคุ้มครองพยานได้ประสานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)เข้าไปดูแลพยาน ใน 2พื้นที่ คือ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นักศึกษาสาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และน .ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล หรือ น้องเกมส์ อดีตลูกจ้าง ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ผู้เปิดโปงการทุจริตเรื่องนี้ และพยานอีกหลายปากที่จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปภาพหลักฐานการกระทำผิดของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้กระทำการทุจริต เนื่องจากได้รับแจ้งว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยและมีการคุกคามหลายอย่างหลังจากได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะมีการถามว่าลูกจะเรียนโรงเรียนนี้ต่อหรือไม่ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองและลูกไม่มีความปลอดภัย โดย ประสานผู้ว่าฯจังหวัดนครพนม และกอ.รมน. เข้าให้ความคุ้มครอง ซึ่งที่นครพนมยังงไม่ถึงขั้นเข้าโครงการคุ้มครองพยาน เพื่อให้พยานรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย