กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-“สมชัย” เทียบเคียงบรรทัดฐานองค์กรอิสระ หลังศาล รธน.ชี้กฎหมาย ป.ป.ช.ไม่ขัด ทั้งที่มี 2 กรรมการ ป.ป.ช.เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามชัดเจน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำความเห็นส่วนตน และมีการร่วมลงมติว่า ประเด็นที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งมานั้น ศาลมีความเห็นว่าไม่ขัด โดยไม่มีรายละเอียดว่าลงคะแนนด้วยคะแนนเสียงเท่าไร และตุลาการคนลงมติอย่างไรบ้าง
“คนที่ไม่ติดตามเรื่อง คงอ่านผ่าน ๆ อย่างไม่ได้สนใจ ยิ่งมาแจ้งแบบเงียบเชียบในรูปเอกสารตอนบ่ายของวันศุกร์ที่คนใกล้เลิกงาน ก็ยิ่งแทบไม่มีคนสนใจ แต่สำหรับผู้ที่ติดตามน่าจะจำได้ว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ สนช.ได้ลงมติให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ เช่นเดียวกับผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ สนช.ใจดีมาก มีแถมให้คนที่ครบวาระแล้วอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีสภาฯ มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ แล้วจึงเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ แตกต่างจาก กกต. และ กสม. ที่แม้จะเป็นองค์กรอิสระด้วยกัน แต่เซ็ตซีโร่” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ประเด็นการให้ ป.ป.ช.ทั้งชุดอยู่ต่อไปจนครบวาระ มีประเด็นที่แตกต่างจากผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญ คือ นอกจากคนที่มีคุณสมบัติไม่ครบจำนวนประมาณ 7-8 คน แล้วในจำนวนนี้ยังมี 2 คน ที่มีลักษณะต้องห้ามด้วย คือ คนหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นมาก่อน และอีกคนคือ ประธาน ป.ป.ช.เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมือง และพ้นตำแหน่งมายังไม่ครบสิบปี
“รัฐธรรมนูญเขียนห้าม แต่กฎหมายลูก โดย สนช.ไปอนุญาต สนช.ที่ไม่เห็นด้วย จึงส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีตุลาการศาล 5 คนที่อยู่ครบวาระ 9 ปีแล้ว แต่ สนช.ให้อยู่ต่อ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 3 คนที่ขาดคุณสมบัติ แต่ สนช.ให้อยู่ต่อ ได้ลงมติแบบเงียบ ๆ ไม่มีการแสดงผลการลงมติ ไม่มีระบุชื่อว่าใครลงมติอย่างไร ว่าด้วยเสียงข้างมาก หรือเอกฉันท์ ให้ ป.ป.ช.ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม อยู่ต่อไปจนครบวาระได้ จากนี้ใครจะเชื่อว่าองค์กรอิสระเป็นอิสระจริง” นายสมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย