หญิงไทยสูบบุหรี่ ตายเร็วกว่าชาย

รร.เซ็นจูรี่ 6 มี.ค.- ราชวิทยาลัยสูตินรีฯเผยข้อมูลหญิงไทยสูบบุหรี่เสี่ยงตายจากโรคมากกว่าชาย และยังส่งผลให้มีบุตรยาก ทารกแรกเกิดน้ำหนักลด ส่งผลต่อพัฒนาการ ขณะที่ข้อมูลการสูบบุหรี่ รวมถึงการได้รับความบุหรี่มือสองในหญิงในพื้นที่ กทม.ลดลง เหตุเพราะได้รับความรู้ตระหนักสุขภาพ


มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดการเสวนา เรื่องพิษของบุรี่ต่อสตรี ยิ่งมีมากกว่าบุรุษ โดย นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการสูบบุหรี่ หญิงไทยในทุกกลุ่มอายุน่าเป็นห่วง โดยพบว่า อัตราการสูบบุหรี่ในหญิงไทย ในเมืองใหญ่ ลดลง สวนทางกับ หญิงไทยในต่างจังหวัด ทั้งนี้เนื่องจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ด้านสุขภาพและการศึกษา ทำให้ทราบถึงพิษภัยบุหรี่และตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น


นพ.ภิเศก กล่าวว่า การสูบบุหรี่ในผู้หญิง รวมถึงการได้รับ ควันบุหรี่มือสองส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวมากกว่าชาย ทั้งเรื่องการมีประจำเดือน ไม่สม่ำเสมอ ปวดประจำเดือน การมีบุตรยากเพิ่มขึ้นและหากตั้งครรภ์ น้ำหนักของทารกจะลดลง ถึง 200 -250 กรัม มีผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็ก ส่งผลให้น้ำหนักแรกคลอด น้อยกว่า 2,000 กรัม ยังไม่นับเสี่ยงโรคมะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก กระดูกพรุน เกิดภาวะวัยทองเร็วกว่าปกติ มีอาการร้อน หงุดหงิดง่าย 

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่วัยรุ่นหญิงไทยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5  ขณะที่วัยรุ่นชายคงที่ อยู่ที่ร้อยละ 21 ซึ่งผลกระทบจากบุหรี่ไม่ใช่แค่การสูบเองเท่านั้น ยังรวมไปถึงควันบุหรี่มือสอง ซึ่งปัจจุบันพบ หญิงไทยกว่า 8 ล้านคนได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน โดยพบว่า ได้รับจากที่ทำงานมากถึง 1.39 ล้านคน รับควันบุหรี่มือสองภายในบ้าน 8 ล้านคน ทั้งนี้พบว่า อัตราการได้รับควันบุหรี่มือสอง พบมากในภาคใต้ ร้อยละ 43.5 รองลงมา ภาคกลาง ร้อยละ  27.6 และเหนือ ร้อยละ 25.9 ขณะที่ กทม. อยู่ที่ร้อยละ 13.2  และยังพบโรคจากการสูบบุหรี่ เส้นเลือดในสมองแตก ตีบ ตัน เฉียบพลัน และหัวใจวาย .-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย