สำนักข่าวไทย 4 มี.ค.-เลขาธิการคุรุสภา เผย พฤติกรรมครูปรีชา อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู ในด้าน จรรยาบรรณวิชาชีพต่อตนเอง เข้าข่ายความผิดไม่ร้ายแรง เพราะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จจริง สัปดาห์หน้าเริ่มสอบข้อเท็จจริง ย้ำไม่สามารถร่นระยะเวลาสอบได้ แม้สังคมสนใจ
นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวถึงการสอบข้อเท็จจริง ด้วยการจรรยาบรรณวิชาชีพครู นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี จังหวัดกาญจนบุรี ว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากตามกฎหมาย นายปรีชา ยังไม่ได้รับโทษ อีกทั้งคดีความยังไม่สิ้นสุด โดยข้อกล่าวหา ที่นายปรีชาได้รับคือการแจ้งความเท็จเท่านั้น ซึ่งจากนี้ หลังจากมีการสืบข้อเท็จจริง พบว่า มีมูล ก็จะเสนอให้คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ และแม้ว่า เรื่องดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากประชาชน แต่ในการกระบวนการตรวจสอบต้องใช้เวลา ไม่สามารถร่นระยะเวลาการสืบสวนให้เร็วขึ้นได้ ก็เหมือนกับกระบวนการสืบสวนตรวจสอบ ข้อเท็จจริงตามกฎหมายทั่วไป ที่ต้องเปิดโอกาสและให้ความเป็นธรรมกลับผู้ถูกกล่าวหาเช่นกัน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาความผิดด้านจรรยาบรรณวิชาชีพครู มีหลักเกณฑ์การพิจารณา 5 ด้าน ได้แก่ 1. จรรยาบรรณต่อตนเอง 2.จรรยาบรรณวิชาชีพ 3.จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ 4. จรรยาบรรณต่อร่วมประกอบวิชาชีพ และ 5. จรรยาบรรณต่อสังคม ซึ่งในส่วนสของพฤติกรรมของนายปรีชา จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น น่าจะเข้าข่ายความผิดจรรยาบรรณต่อตนเอง ส่วนจะเป็นความผิดในแง่ใดต้องมีการพิจารณาอีก เพราะในแง่ขอความผิดจรรยาบรรณต่อตนเอง แยกเป็น เรื่องความซื่อสัตย์ ,ความเป็นแบบอย่าง,ความไม่มีวินัย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของความผิดจรรยาบรรณต่อตนเอง ก็ถือว่า เป็นความผิดไม่ร้ายแรง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า และแม้ว่า นายปรีชา จะเป็นครูสอนพุทธศาสนา แต่ก็ไม่ได้มีผลให้การตัดสิน เรื่องของจรรยาบรรณจะมีโทษร้ายแรง กว่าการสอนวิชาอื่นๆ อีกทั้งหากมีการเปรียบเทียบ การตรวจสอบเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ จะพบว่า วิชาชีพครู มีการออกใบอนุญาต เป็น ล้านฉบับ แต่ในส่วนของผู้กระทำความผิด หรือ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในวิชาชีพครูนั้นมีน้อย ไม่ถึงร้อยละ 1 ซึ่งความผิดในส่วนของการแจ้งความเท็จจริงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้มีบทลงโทษรุนแรง ผิดกับเรื่อง ของ ผู้ประกอบวิชาชีพครูที่พัวพันหรือเกี่ยวข้อง ยาเสพติด ,ทุจริตในหน้าที่ ,ล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่ามีความผิดร้ายแรง ต่อทางราชการและต้องได้รับการลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต สำหรับบทลงโทษความผิดเกี่ยวกับจรรยาบรรณ มีตั้งได้เบาไปหนัก ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต หรือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ .-สำนักข่าวไทย