ปตท.สผ.จับมือโททาลมั่นใจชนะประมูลแหล่งบงกช

กรุงเทพฯ 26 ก.พ.- ปตท.สผ.ลั่นพร้อมประมูลบงกช -เอราวัณ ระบุในฐานะเป็นบริษัทที่รัฐถือหุ้น จะเป็นเครื่องมือของรัฐในการผลิตปิโตรเลียม สร้างมูลค่าเพิ่มทุกด้าน เตรียมทั้งเงินและพันธมิตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการลงทุน โดยแหล่งบงกชจับมือโททาล ส่วนแหล่งเอราวัณยังรอความชัดเจนจากเชฟรอนในการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น


นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม  หรือ ปตท.สผ.ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการแหล่งปิโตรเลียม”บงกช” กล่าวว่า บริษัทซึ่งถือหุ้นร้อยละ 66.66จะจับมือกับโททาลซึ่งถือหุ้นร้อยละ 33.33 ในการประมูลแหล่งบงกชมั่นใจจะชนะประมูลเพราะบริษัทเตรียมพร้อม มีการซื้อหุ้นแหล่งบงกชจากเชลล์ร้อยละ 22.22 มาเตรียมพร้อม มีประสบการณ์  มีพนักงาน  มีการดำเนินการซึ่งปฏิบัติตามได้ตามข้อกำหนดของรัฐบาล ทั้งด้านการสร้างความมั่นคง การดูแลความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีกระแสเงินสด4 พันล้านเหรียญสหรัฐที่พร้อมลงทุน และสิ่งสำคัญ การที่เป็นบริษัทที่รัฐบาลร่วมถือหุ้นก็เป็นสิ่งที่สร้างผลตอบแทนแก่ประเทศในด้านอื่นๆอีกด้วยนอกเหนือทางการเงิน 

ส่วนแหล่งเอราวัณรอคำตอบจากบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต ว่าจะให้ถือหุ้นมากกว่าปัจจุบันที่ร้อยละ 22 หรือไม่ ซึ่งในขณะนี้การเจรจาก็รอความชัดเจน เอกสารเชิญชวนประมูล (TOR) จากภาครัฐบาล ที่คาดว่าจะออกมาในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม  ปตท.สผ.ก็พร้อมทั้งรูปแบบประมูลเองและร่วมกับเชฟรอนในการเข้าประมูลแหล่งเอราวัณ นอกจากนี้ ปตท.สผ.ก็พร้อมจะร่วมมือกับรายอื่นๆในการเข้าร่วมประมูล เช่น มูบาดาลา จากยูเออี หรือบริษัทอื่นๆ เพื่อความเข้มแข็งในการประมูลแต่ทั้งหมดก็รอเพียงทีโออาร์เท่านั้น


 “เชื่อว่าบริษัทเรามีประสบการณ์ที่ทำให้ภาครัฐเกิดความมั่นใจว่า สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงกับรัฐ เราเป็นบริษัทไทยที่ไม่หนีหายไปไหน รักษากำลังผลิตตามที่รัฐต้องการ ขีดความสามารถของบริษัทคนไทยก็พร้อม บนแท่นบงกชมีแต่คนไทย เป็นการพัฒนาบุคลากร นั่นหมายถึงบริษัทไทยมีมูลค่ากับภาครัฐกับประเทศ ช่วยให้เกิดความมั่นใจว่ารัฐมีเครื่องมือ มีองค์กรที่รับจะดำเนินการผลิต  มีมูลค่ามหาศาล นอกเหนือจากด้านการเงิน ด้านรอยัลตี้ บริษัทเราถือหุ้นใหญ่โดย ปตท. เมื่อมีกำไร รัฐบาลก็ได้เงินปันผลแก่รัฐก็เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ พนักงานของเราก็พร้อมเต็มที่ เรื่องการประมูลนอกเหนือเรื่องกำไรขาดทุนก็เป็นด้านจิตใจที่จะทำเพื่อประเทศ”นายสมพร กล่าว

นายสมพรกล่าวว่า เงื่อนไขหลักทีโออาร์ที่รัฐบาลอาจกำหนด ว่าต้องได้กำลังผลิตต่อเนื่อง 1,500 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวันจากปัจจุบันผลิต 2,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และราคาจะต้องไม่แพงกว่าปัจจุบันนั้น ในขณะนี้ ทางเอกชนก็กำลังรอรายละเอียดว่า รัฐจะกำหนดให้ดำเนินการอย่างไรที่ไม่ให้เกิดปัญหาต่อทั้งรายเดิมที่ได้สัมปทานในปัจจุบันและรายใหม่ที่ประมูลได้ โดยคาดว่าทางกระทรวงพลังงานจะหาแนวทางให้เปลี่ยนผ่านให้ดีสุด ซึ่งต้องยอมรับว่า หาก รายเดิมประมูลไม่ได้ ในช่วงก่อนหมดสัมปทานกำลังผลิตจะน้อยลง เพราะจะไม่มีการลงทุนสำรวจและผลิตขนาดใหญ่ ซึ่งกรณี ปตท.สผ.ก็ไม่ได้มีแผนลงทุนเช่นกัน แต่หากชนะประมูลก็สามารถวางแผนล่วงหน้าที่จะผลิตเพิ่มได้

นายสมพรกล่าวว่า ในปีนี้การขายปิโตรเลียมคงจะมากกว่าเป้าหมายขายเดิมที่ตั้งไว้ปลายปี 2560ที่ตั้งไว้  3 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากยังไม่ได้รวมกับกำลังผลิตบงกชที่ซื้อจากเชลล์ประมาณ 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และยังไม่ได้รวมกับโครงการใหม่ๆที่อาจจะประสบความสำเร็จจากการกำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ 3-4 แห่ง ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนประมูล ทั้งตะวันออกกลางและอาเซียน โดยเลือกจากโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำและต้นทุนการผลิตต่ำ แม้ราคาน้ำมันผันผวนก็ต้องคุ้มทุน โดยคาดว่าจะรู้ผลประมูลได้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ 


ขณะเดียวกันในปีนี้ปตท.สผ.ก็จะยังคงผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งสิริกิติ์ (S1) ให้อยู่ในระดับราว 27,000-28,000 บาร์เรล/วัน เพื่อชดเชยการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวไทย ที่มีโอกาสจะถูกเรียกก๊าซฯลดลงในช่วงกลางปีนี้ เพราะอาจจะมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้ามามากขึ้นตามทิศทางราคา LNG ที่จะอ่อนตัวลงในช่วงกลางปี และจะปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปีตามสภาพอากาศที่หนาวเย็น

ปตท.สผ.ระบุด้วยว่า แม้ราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นปีจะสูงแต่ ปตท.สผ.ยังคิดในแนวอนุรักษ์ยังไม่ปรับราคาจากคาดการณ์เดิมที่มองว่า ปีนี้ ราคาจะอยู่ที่ 55-65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในขณะที่ ปี2560อยู่ที่ประมาณ 52-53 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะปีนี้แม้กลุ่มโอเปกและนอกโอเปกอาจจะจับมือลดกำลังผลิต แต่ก็มีกำลังผลิตเพิ่มจากสหรัฐ ในขณะที่ภาวะการณ์เศรษฐกิจโลกเติบโต จึงคาดว่าการใช้น้ำมันดิบของโลกยังเพิ่มขึ้น 1.5 -1.6 ล้านบาร์เรล/วัน-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย