มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.อยุธยา 12 ก.พ.-บุญส่งเผยมีหลายประเด็นในพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ที่กกต.ส่งความเห็นโต้แย้งไป ยอมรับสู้ลำบาก แต่ต้องส่งเพื่อไม่ให้มีปัญหาในทางปฎิบัติ
นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรสืบสวนและไต่สวนระดับกลาง รุ่นที่ 4 เพื่อเตรียมความพร้อมแก่บุคลากรของสำนักงานกกต.ที่มีหน้าที่สืบสวนไต่สวนคดีเลือกตั้ง เพื่อเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มีผู้เข้ารับการอบรม 64 คน ซึ่งนอกจากให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะ เทคนิคด้านการสืบสวนและไต่สวน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่บังคับใช้แล้ว ยังมุ่งเน้นให้เจาะลึกและวิเคราะห์เนื้อหาสาระของร่างพ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และ ส.ว.
การอบรมดังกล่าวมีผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่าง ๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ สภาทนายความ และสำนักงานกกต.เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ รวมทั้งการดูงานนอกสถานที่ ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) และศาลอุทธรณ์ภาค นายบุญส่ง กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เมื่อพนักงานของสำนักงานกกต.ผ่านการฝึกอบรมครั้งนี้แล้ว จะสามารถดำเนินคดีเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมสมดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
นายบุญส่ง กล่าวถึงพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ว่ามีปัญหาค่อนข้างมาก และกกต.เคยโต้แย้งไป แต่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ไม่ผ่านให้ ซึ่งรู้สึกเสียดาย 2 ประเด็นคือประเด็นการคุ้มครองเจ้าหน้าที่กกต.ที่มีในกฎหมายกกต.มาทุกฉบับ แต่ฉบับปัจจุบันไม่มี โดยกรรมการยกร่างฯ อ้างว่าไม่ให้ ซึ่งจะมีปัญหาต่อผู้ปฎิบัติงานที่ต้องทำงานเร่งด่วน การสร้างพยานหลักฐานให้ชัดเจนจริงเป็นเรื่องยาก แต่การไม่มีอำนาจคุ้มครองจะเป็นปัญหากับเรา ซึ่งกกต.เคยถูกฟ้องร้องหลายเรื่อง และเรื่องการตรวจค้น ยึดหรือจับกุมซึ่งหน้าในช่วงระยะเวลาการเลือกตั้ง ซึ่งถูกตัดออกตั้งแต่ชั้นการยกร่างรัฐธรรมนูญ
“คำว่าผิดซึ่งหน้าอย่าคิดว่าเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจเกินเลย เพราะต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่มาร่วมจับ ไม่ต้องเสียเวลาไปขอหมายศาล ศาลบางแห่งไกลที่เกิดเหตุ อีกทั้งการขอหมายศาล ความลับอาจจะรั่ว ทำให้เราทำงานลำบาก แม้จะมีอำนาจอื่นมาช่วย เช่นเชิญหน่วยงานอื่น ๆ มาช่วย แต่มักไม่ได้ผล เป็นปัญหาในการทำงาน เมื่อกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ประกาศใช้ เราร้องเรื่องอำนาจกกต.คนเดียวสั่งระงับการเลือกตั้งและอำนาจเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ยังไม่มีความชัดเจน ส่วน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พอรับได้ แต่เมื่อมีคำสั่งคสช.ที่ 53/5260 ก็ทำให้การทำงานของกกต.มีปัญหา เราก็ทำหนังสือชี้แจงไปถึงหัวหน้าคสช.” นายบุญส่ง กล่าว
สำหรับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นายบุญส่ง กล่าวว่า กกต.ได้โต้แย้งไป 5 ประเด็น เรื่องการให้จัดมหรสพ การให้อำนาจศาลฎีกาเรื่องใบเหลืองหลังประกาศผลการเลือกตั้ง การให้ใบดำหรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งโดยไม่มีใบแดง หรือเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งการโต้แย้งไป คงสู้ลำบาก เพราะในมาตราเดียวกันนี้เขียนในวรรคสามว่า การที่ศาลฎีกาจะให้ใบดำหรือใบแดงขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก สนช.คงคิดรอบคอบแล้ว แต่ก็โต้แย้งเพื่อไม่ให้มีปัญหาในทางปฎิบัติ
“หากเรายื่นคำร้องขอใบดำไป ศาลจะให้ใบแดงได้หรือไม่ ความจริงศาลให้ได้แม้ไม่อยู่ในคำขอ เพราะโทษเบากว่า โทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแค่ 10 ปี ส่วนใบเหลืองในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าศาลฎีกาให้ใบเหลืองหลังเลือกตั้งได้ ผมอยากถามว่าหลังประกาศผลการเลือกตั้งควรเป็นอำนาจของกกต.หรือศาล สำหรับผมไปศาลก็ดี เพราะมีความสำคัญ เราประกาศผลรับรองไปแล้วก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ แต่บังเอิญกฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดไว้ว่าให้ศาลฎีกามีอำนาจให้ใบเหลืองได้ ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ผมกล่าวไว้” นายบุญส่ง กล่าว
นายบุญส่ง กล่าวว่า กกต.ยังมีข้อสังเกตุเรื่องของการลงคะแนนเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. โดยกกต.เสนอให้ลงคะแนนเลือกตั้งเวลา 08.00-16.00 น. เหมือนกับการออกเสียงประชามติซึ่งได้ผลลัพธ์ดี เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ประเด็นนี้กกต.ไม่ได้โต้แย้งไป เพราะไม่มีเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ได้ข่าวว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) โต้แย้งไป ซึ่งเรื่องนี้พยายามคิดเหมือนต่างประเทศ แต่ประเทศเราไม่เหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่นปิดหีบ 20.00 น. ไม่ได้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง แต่ของไทยยังนับคะแนนที่หน่วย หากเกิดปัญหาขัดข้อง เช่น ไฟฟ้าดับก็จะเป็นปัญหาได้.-สำนักข่าวไทย
