ดีเอสไอ 6 ก.พ.-ดีเอสไอ เดินทางไปสหรัฐฯ รับมอบหลักฐานบริษัท อีเกิ้ลเกทส์ ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แอบอ้างเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลอกลวงผู้เสียหายทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ร่วมลงทุน ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือเทรดหุ้น โดยอ้างมีผลตอบแทนสูงจนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ว่า ดีเอสไอสอบสวนคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ปรากฏผู้เสียหายมากกว่า 1,000 คน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก มีผู้เสียหายจำนวนกว่า 250 คนเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การ พร้อมพยานหลักฐาน โดยจากคำให้การของผู้เสียหายทั้ง 250 คน พบว่ามีมูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องทางคดี โดยได้ประสานการทำงานและได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) กระทรวงความมั่นคง แห่งมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา
สำหรับบริษัทอีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก ไม่ได้ประกอบธุรกิจจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใดๆ ในประเทศไทย อันจะสามารถจ่ายผลตอบแทน ในอัตราที่สูงได้ตามที่โฆษณา ศาลอาญาได้ออกหมายจับบุคคลชาวไทยและต่างชาติทั้งสิ้น 10 ราย ประกอบด้วยชาวต่างชาติ 8 ราย (ชาวสิงคโปร์ 4 ราย, ชาวอเมริกัน 2 ราย และชาวเนเธอร์แลนด์ 2 ราย)และชาวไทย 2 ราย คือนายรัฐเขต ฉายารัตน และนางกนกกุล พรอภิโชติ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ ระหว่างฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 และศาลอาญายังได้ออกหมายค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 8 แห่ง ผลการตรวจค้น พบเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด และสามารถตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าได้จำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ ดีเอสไอขอฝากเตือนไปยังประชาชน ให้ระมัดระวังการชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราที่สถาบันการเงินพึงจ่ายได้ แม้ว่าจะมีการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยวิธีต่างๆ หรือการโฆษณาชวนเชื่อว่ามีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ ขออย่าได้ไว้วางใจโดยเฉพาะหากมีพฤติการณ์ในการชักชวนลงทุนดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบความเป็นมา ของบริษัท หรือประวัติของผู้ชักชวนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และ หากมีข้อมูลหรือเบาะแสสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร.1202 .-สำนักข่าวไทย